วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

CPALLหุ้นรูด6% แพนิคลือเพิ่มทุน


CPALLหุ้นรูด6%
แพนิคลือเพิ่มทุน

ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 23 เมษายน 2556 
ผู้เข้าชม : 12 คน 

CPALL ราคารูด 6% กังวลข่าวลือเพิ่มทุนซื้อหุ้น MAKRO และอาจต้องมีการทำเทนเดอร์ หากตกลงเข้าซื้อหุ้นเกิน 25% ด้าน MAKRO ขอหยุดซื้อขายหุ้น 22-23 เม.ย.นี้ ระบุอยู่ระหว่างรอการเปิดเผยสารสนเทศสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 เม.ย.) ราคาหุ้นบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ปรับลดลงมาปิดตลาดที่ 43.50 บาท ลดลง 2.75 บาท หรือปรับลดลง 5.95% หลังมีข่าวลือว่าจะเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ราคาสูง และอาจทำให้ CPALL ต้องมีการเพิ่มทุน โดยปี 2555 CPALL มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 4,493 ล้านบาท เป็น 8,986 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 4,493 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล  อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ทั้งนี้หาก CPALL จะซื้อหุ้น  MAKRO อาจต้องมีการเพิ่มทุนอีกครั้ง และอาจต้องทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) หากตกลงเข้าซื้อหุ้นเกิน 25%
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ CPALL กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ทราบรายละเอียดของข่าวลือดังกล่าว แต่ในแผนการดำเนินงานยังคงเหมือนเดิม โดยมีการขยายสาขา 500-550 สาขาในปีนี้ ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/56เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนไตรมาส 2/56 น่าจะยังดีต่อเนื่องตามภาวะตลาดและกำลังซื้อที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
โดยก่อนหน้านี้ผู้บริหารมั่นใจทั้งปีรายได้น่าจะเติบโตประมาณ 13-14% จากปีก่อน โดยคาดว่าจะมาจากการเติบโตของสาขาใหม่ประมาณ 8-9% และการเติบโตของสาขาเดิมประมาณ 5% ส่วนกำไรปีนี้น่าจะมีการเติบโตในทิศทางเดียวกันกับรายได้
สำหรับ MAKRO จากการสอบถาม บริษัทระบุว่า ขณะนี้ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากที่เคยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ไปก่อนหน้านี้ ที่ว่าบริษัท SHV Holdings N.V. ผู้ถือหุ้นใหญ่ แจ้งมายังผู้บริหาร MAKRO ว่า บริษัทตระหนักเรื่องข่าวลือดังกล่าวในตลาดที่มีมาอย่างต่อเนื่อง และ SHV ขอแจ้งให้ทราบว่าบริษัทมิได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินรายใด นอกจากนี้ บริษัทมิได้มีการติดต่อ หรือได้รับการติดต่อจากผู้สนใจที่จะซื้อกิจการและไม่ทราบว่ามีการเสนอขอซื้อกิจการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร  MAKRO มีการประชุมตลอดทั้งวันของวานนี้
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า มีกระแสข่าวออกมาในห้องค้าหลักทรัพย์ว่า CPALL ตกลงซื้อหุ้น MAKRO ที่ราคา 800 บาทต่อหุ้น อาจต้องมีการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ด้วยหากตกลงเข้าซื้อหุ้นเกิน 25% ทั้งนี้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ MAKRO อยู่ที่ 1.90 แสนล้านบาท น้อยกว่ามาร์เก็ตแคปของ CPALL แต่หากพิจารณาที่เงินสด 2.3 หมื่นล้านบาท และฐานทุน 2.6 หมื่นล้านบาทแล้ว ดูเหมือนดีลนี้อาจใหญ่เกินไปสำหรับ CPALL ที่จะเดินหน้าต่อไปโดยปราศจากการเพิ่มทุน
สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ MAKRO 5 อันดับแรก ล่าสุดเมื่อ 19 มี.ค. 56 ประกอบด้วย บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้น 132,015,140 หุ้น หรือคิดเป็น 55.01%, ORKAM HOLDING ASIA N.V. ถือหุ้น 14,898,160 หุ้น หรือคิดเป็น 6.21%, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 9,062,985 หุ้น หรือคิดเป็น 3.78%,  BNP PARIBAS SECURITIES SERVICES LUXEMBOURG ถือหุ้น 7,703,800 หุ้น หรือคิดเป็น 3.21% และ ORKAM HOLDING ASIA N.V. ถือหุ้น 7,516,200 หุ้น หรือคิดเป็น 3.13%
ส่วนราคาหุ้น MAKRO  ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 56 ปิดที่ 682 บาท เพิ่มขึ้น 22 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 3.33% ก่อนขึ้น SP เช้านี้ เนื่องจากบริษัทขอพักการซื้อขายในระหว่างรอการเปิดเผยสารสนเทศสำคัญ
                โดยบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากกระแสข่าวการเข้าซื้อหุ้น MAKRO (ขึ้นเครื่องหมาย SP) ของ CPALL ส่งผลให้มีแรงขายหุ้น CPALL เข้ามามากตั้งแต่เปิดตลาด เนื่องจากการเข้าซื้อ MAKRO ต้องใช้เงินจำนวนมากถึง 1.6-1.9 แสนล้านบาท ทำให้มีความกังวลว่าการเข้าซื้อ MAKRO อาจทำให้ CPALL จำเป็นต้องเพิ่มทุน ทั้งนี้ แม้จะแนะนำ “ซื้อ” CPALL ในทางพื้นฐาน ด้วยเป้าหมาย 60 บาท อย่างไรก็ตาม จากประเด็นข่าวดังกล่าว (รอการชี้แจงจาก MAKRO) ทำให้นักลงทุนควรรอความชัดเจนก่อน โดย CPALL มีแนวรับทางเทคนิค 44 บาท และ 42 บาท ตามลำดับ
นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-สายงานบริหารการเงิน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO กล่าวว่า บริษัทขอให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระงับการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทชั่วคราว (SP) ในวันที่ 22 เม.ย. และ 23 เม.ย. 56 เนื่องจากบริษัทคาดว่าจะประกาศสารสนเทศสำคัญซึ่งอาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้นสามัญของบริษัท และ/หรือการตัดสินใจในการลงทุนของผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั่วไปในการรับข้อมูลในเรื่องดังกล่าว และมีเวลาที่จะวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวอย่างเพียงพอก่อนที่จะทำการซื้อขายหุ้นของบริษัทต่อไป
                สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานเมื่อวานนี้ โดยอ้างผู้ที่รับรู้เกี่ยวกับการเจรจาว่า CPALL กำลังเตรียมเสนอราคาเพื่อเทกโอเวอร์ MAKRO โดยแหล่งข่าวสองรายกล่าวว่า อาจมีการประกาศข้อตกลงนี้สัปดาห์นี้  แต่เจ้าหน้าที่ CPALL, MAKRO และ SHV Holding ไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้น แต่  MAKRO มีการพักการซื้อขายหุ้น เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) หลังจากที่บริษัทแจ้งแก่ตลาดหลักทรัพย์ว่า “กำลังอยู่ในขั้นตอนการเปิดเผยข้อมูลสำคัญ” ซึ่ง SHV Holdings N.V. บริษัทแม่ในเนเธอร์แลนด์  ได้ออกมาปฏิเสธในเดือนนี้ต่อรายงานของหนังสือพิมพ์ประชาชาติที่ระบุว่า บริษัทกำลังพิจารณาขายหุ้น           
                นายแอนดรูว์ ยาเตส หัวหน้าฝ่ายขายหุ้นระหว่างประเทศบริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป็นข้อตกลงที่ดี บริษัทเนเธอร์แลนด์ จึงมีเหตุผลที่จะขายหุ้น เนื่องจากสามารถทำให้โตได้ และน่าจะไม่มีคู่แข่งมาซื้อ ดังนั้น ราคาไม่สำคัญ และเป็นการชี้ถึงอำนาจของเศรษฐกิจภายในประเทศของไทย
โดยจากการรวบรวมข้อมูลของบลูมเบิร์ก MAKRO ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 38 เท่าของประมาณการกำไรปี 2556 ของนักวิเคราะห์  ส่วน BIGC มีการซื้อขายกันที่ประมาณ 24 เท่า ขณะที่ดัชนี SET  ซื้อขายกันที่ประมาณ 14 เท่า
นายจักรกริช พืชพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายหุ้นในประเทศของบริษัท เอ็มเอฟซี แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า มีความวิตกว่า CPALL อาจเข้าไปถือสิทธิ์ MAKRO ราคาที่แพงมาก และ CPALL อาจต้องกู้เงินใหม่เป็นจำนวนมากหรือต้องขายหุ้นเพื่อนำเงินไปซื้อแม้ว่าที่ราคาตลาดขณะนี้ MAKRO มีกำลังซื้อขายราคาที่มีการประเมินมูลค่าสูงมากแล้ว โดยเมื่อปีที่ผ่านมา CPALL มีแผนการที่จะขยายกิจการออกนอกประเทศ และอาจเปิดเซเว่น-อีเลฟเว่น ในภาคใต้ของจีน และในเวียดนาม
ด้านบริษัท SHV ถือหุ้น MAKRO อยู่ประมาณ 64% จากข้อมูลในเดือนมี.ค. 55 มีสาขา 57 แห่ง และมีร้านสยามโฟรเซ่น อีก 5 แห่ง เมื่อปลายปี 2555 บริษัทเปิดแม็คโครใหม่ 5 แห่งในปี 2555 ช่วยเพิ่มรายได้ประมาณ 15% เป็น 112,000 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว และกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น 37% เป็น 3,560 ล้านบาท ในปี 2555
                จากการรวบรวมข้อมูลของบลูมเบิร์ก ที่มูลค่าตลาดขณะนี้การเทกโอเวอร์ MAKRO จะเป็นการเทกโอเวอร์ครั้งใหญ่สุดของบริษัทไทย โดยจะมีมูลค่ามากกว่าการซื้อบริษัท ปตท. อะโรเมติคส์ แอนด์ รีไฟน์นิ่ง ของบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีมูลค่า 5,500 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2554  
                หุ้น MAKRO ปรับตัวขึ้น 30% ช่วง 6 วันทำการที่ผ่านมา ขณะที่หุ้น CPALL ปรับตัวลงถึง 4.9% เมื่อ 22 เม.ย. โดยทำท่าว่าจะปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม หลังจากที่หุ้นปรับตัวลงประมาณ 13% ปีนี้ CPALL มีมูลค่าตลาดประมาณ 402,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เว็บไซต์ประชาชาติ รายงานเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 55 โดยไม่ได้บอกว่าได้รับข้อมูลมาจากไหนว่า SHV ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาและมีเป้าหมายขายหุ้น  MAKRO เสร็จสิ้นลงภายในสิ้นปีนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น