วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2556

กูรูมั่นใจ ECF เหนือจอง 25-3-2013

กูรูมั่นใจ ECF เหนือจอง 

         

         
          วงการมั่นใจ ECF เทรดวันแรกยืนเหนือราคาจอง 1.20 บ. แม้ตลาดหุ้นไทยเพิ่งฟื้นหลังร่วงหนักกว่า 100 จุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเปิดจองวันแรกหุ้นไม่พอขาย แถมโร้ดโชว์ 9 จังหวัดได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม ด้านผู้บริหารแย้มตั้งเป้ารายได้โต 10-15% ต่อปีพร้อมรักษากำไรสุทธิที่ 5-7% ต่อเนื่องทุกปี ลั่นปีนี้มีจ่ายปันผล เหตุมีกำไรสะสมอยู่ 44 ล้านบาท พร้อมเตรียมงบ ซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มกำลังการผลิต บุกตลาดเฟอร์นิเจอร์รับ AEC ขณะที่โบรกมองตลาดที่เริ่มฟื้นจะหนุนหุ้น IPO สดใสตามแน่นอน 

           ในวันนี้ (26มี.ค.56)จะมีหุ้นน้องใหม่เข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นอีกหนึ่งบริษัท นั่นคือ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยที่เพิ่งผ่านช่วงการปรับฐานครั้งสำคัญกว่า 100 จุด ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเกิดคำถามขึ้นมาไม่น้อยกับหุ้นน้องใหม่ตัวนี้ว่า จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน และสามารถเปิดการซื้อขายวันแรกได้เหนือราคาจองที่ 1.20 บาท เหมือนกับหุ้น IPO ตัวอื่นๆ ที่มีกระแสตอบรับที่ดีในช่วงที่ผ่านมาได้หรือไม่
           บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา เฟอร์นิเจอร์จำหน่ายผ่านโชว์รูม กระดาษปิดผิว และไม้ยางพาราแปรรูปอบแห้ง รวมถึงผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ตามคำสั่งซื้อ (Made to Order) เป็นหลักให้แก่ผู้จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ในต่างประเทศโดยมีลูกค้าหลักในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ให้แก่ กลุ่มร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ภายในประเทศโดยใช้ตราสินค้าของบริษัทเอง ได้แก่ Muse Fur Direct และ Leaf ให้กับเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี และ โฮมโปร ตามลำดับ รวมทั้งยังมีการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ในโชว์รูมของบริษัทเองใน Index Living Mall และโฮมโปรภายใต้ตราสินค้า ELEGA
           ทั้งนี้การที่ ECF เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้ มีทุนชำระแล้ว 130 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 400 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท โดยบริษัทเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 15 และ18-19 มีนาคม 2556 ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 144 ล้านบาท โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
           โดยบริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปลงทุนสำหรับการสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อใช้ในการปรับปรุงสายการผลิตที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่มากขึ้นทั้งในต่างประเทศและในประเทศ อีกทั้ง เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในต้นปี 2558 โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะครองส่วนแบ่งทางการตลาดในอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศ

*** APM มั่นใจหุ้นเหนือจอง 
           นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ECF เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ถึงการเข้าซื้อขายในตลาดวันแรกของ ECF ว่า มั่นใจว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายในวันแรกจะเหนือจองที่ 1.20 บาทได้ แม้ว่าสภาวะตลาดในช่วงที่ผ่านมาจะมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ดีนัก แต่หากพิจารณาในเชิงพื้นฐานของบริษัทแล้วจะพบว่า ECF มีโครงสร้างรายได้ที่ชัดเจน จากคำสั่งซื้อที่ได้รับในปัจจุบันซึ่งมีอยู่ไม่น้อยกว่า 60% ของเป้าหมายยอดขายโดยรวม
           ขณะเดียวกันการสร้างกำไรสุทธิมีแนวโน้มที่ดี ซึ่งเมื่อรวมกับกำไรสุทธิในปีก่อนที่ทำได้ 35 ล้านบาท และยังไม่มีการจ่ายปันผลก็จะเป็นผลดีต่อแนวโน้มการจ่ายปันผลปีนี้ ซึ่ง ECF มีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ขณะเดียวกันการลงทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพทางด้านเครื่องจักรเพื่อทดแทนต้นทุนด้านแรงงาน ขณะเดียวกันจะเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อแนวโน้มกำไรในระยะข้างหน้า อีกทั้งผู้บริหารของ ECF มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมามากกว่า 20 ปี ถือเป็นจุดหลักที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้
           ' เรามั่นใจว่าวันนี้ราคาหุ้นจะเหนือจอง เพราะ ECF มีสิ่งที่เรียกว่าความแข็งแกร่ง ออเดอร์ที่ได้รับตอนนี้ไม่น้อยกว่า 60% ยาวไปจนถึงสิ้นปี สะท้อนโครงสร้างรายได้ที่ชัดเจนแล้ว และปีที่ผ่านมากำไรสุทธิ 35 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้จ่ายปันผลเลย ปีนี้ก็จะเป็นผลดี ส่วนเรื่องการลงทุนเครื่องจักรเข้ามาเพิ่มก็จะลดค่าจ้างแรงงานมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการทำกำไร และบริษัทฯ บริหารงานมามากกว่า 20 ปีแล้ว เราเชื่อว่าดีแน่นอน'นายสมภพ กล่าว
           ขณะเดียวกันจากการโรดโชว์หุ้น ECF ใน 9 จังหวัด ประกอบด้วย ชลบุรี ราชบุรี ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น พิษณุโลก เชียงใหม่ หาดใหญ่ และกรุงเทพฯ ในช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา มีกระแสตอบรับที่ดีนักลงทุนแสดงความสนใจจะจองซื้อหุ้นไอพีโอของ ECF เป็นจำนวนมาก ทางผู้บริหารของ ECFและ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ได้มีการหารือร่วมกันถึงแนวทางการจัดสรรหุ้น เพื่อให้นักลงทุนได้มีโอกาสในการจองซื้อหุ้นอย่างทั่วถึง ซึ่งในที่สุดแล้วการจัดสรรหุ้นไอพีโอครั้งนี้ ก็สามารถดำเนินการให้บรรลุความต้องการของทุกฝ่าย

*** ตั้งเป้ารายได้โต 10 -15% ต่อปี พร้อมจ่ายปันผล เหตุมีกำไรสะสม 44 ลบ. 

           นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในแต่ละปีไว้ไม่ต่ำกว่าปีละ 10 - 15% จากปี 55 ที่บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 1,084 ล้านบาท และบริษัทฯ จะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin) ให้อยู่ในระดับ 5-7% ต่อเนื่องทุกปี โดยแนวโน้มธุรกิจของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่องตามการเติบโตของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่ดีขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ประกอบกับบริษัทฯ มีการขยายตลาดไปยังประเทศในแถบตะวันออกกลางและในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น จากเดิมที่มีตลาดหลักในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทำการค้ากันมาเกือบ 20 ปี และมีสินค้าของบริษัทฯ จำหน่ายผ่านสาขาของลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นกว่า 700 แห่ง
ปัจจุบันบริษัทฯ มีการผลิตสินค้าทั้งในแบรนด์ของตนเอง และรับจ้างผลิต ซึ่งอัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin) ของการผลิตเพื่อขายเองจะอยู่ในระดับ 15% และอัตรากำไรสุทธิของการรับจ้างผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 5 - 7%
           ในขณะที่ปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีกำไรสะสมอยู่ประมาณ 44 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้กำหนดวันปันผลว่าจะจ่ายเงินปันผลช่วงใด เนื่องจากต้องรอการประชุมของคณะกรรมการบริษัทฯ ก่อน
           ขณะเดียวกันบริษัทได้ตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ประมาณ 50 - 60 ล้านบาทเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกประมาณ 15 - 20% จากปัจจุบันที่บริษัทฯ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 80% ทั้งนี้ เมื่อมีเครื่องจักรเพิ่มขึ้น บริษํทฯ ก็จะใช้แรงงานคนน้อยลง โดยมีแผนที่จะลดพนักงานให้เหลือประมาณ 300 - 400 คน จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 600 คน ซึ่งหากสามารถลดจำนวนพนักงานได้ตามเป้าหมาย เชื่อว่าจะสามารถทำให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทฯ ลดลง และน่าจะสามารถเพิ่มอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)ของบริษัทฯ ขึ้นได้อีกประมาณ 1 - 2% จากปัจจุบันที่บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)อยู่ประมาณ 5 - 7%

*** โนมูระฯ ชี้หุ้นดี มีผลตอบแทน

           นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า มั่นใจว่าหุ้น ECF จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปในการซื้อขายและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตสูง พร้อมกับมีแผนที่จะขยายตลาดในประเทศไปตามโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ มากขึ้น และขยายสู่ตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ ECF ที่ราคา 1.20 บาท/หุ้น ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมี P/E 17.51 เท่าหรือคิดเป็นส่วนลดประมาณ 30% ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากที่ต้องการลงทุนในหุ้น ECF แต่ยังไม่ได้รับการจัดสรรหุ้นตามจำนวนที่ต้องการ จะมีโอกาสเข้าไปซื้อขายเพื่อการลงทุนในระยะกลาง ถึง ระยะยาวในตลาด เอ็ม เอ ไอ ต่อไป

*** โบรกฯ มองภาพรวมตลาดยังฟื้นต่อ หนุนหุ้น IPO สดใสตาม 

           นายวิวัฒน์ เตชะพูนผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนส่วนบุคคล บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 มี.ค.56) ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีฯอ่อนตัวลงแรง ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาจากนักลงทุน ประกอบกับนักลงทุนคลายความกังวลจากปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากรัฐสภาไซปรัสมีมติผ่านร่างกฎหมายฉุกเฉิน เพื่อจัดตั้งกองทุนด้านการลงทุน โดยมีเป้าหมายที่จะระดมทุนราว 5.8 พันล้านยูโรตามคำเรียกร้องของกลุ่มยูโรเพื่อแลกกับมาตรการให้ความช่วยเหลือมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์
           สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้ คาดว่า ดัชนีฯจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามดัชนีฯได้ปรับเพิ่มขึ้นมากในวันนี้ คาดว่าหลังจากนี้จะเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในกรอบจำกัด โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือความคืบหน้าการประชุมร่วมรัฐสภาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ในวันที่ 1-2 เมษายนนี้
           ส่วนของการซื้อขายหุ้น ECF หุ้น IPO ตัวล่าสุดที่จะเปิดการซื้อขายในวันนี้เป็นวันแรก ประเมินว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะเหนือจองที่ 1.20 บาท แม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจะยังไม่สดใสก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ที่ฟื้นตัวแรงเกือบ 50 จุด ประกอบกับที่ผ่านมาหุ้น IPO ส่วนใหญ่มักจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันแรกเป็นจำนวนมาก จะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นของ ECF นั้นเปิดการซื้อขายเหนือราคาจองได้เช่นเดียวกับหุ้น IPO ตัวอื่นๆ ที่ผ่านมา
           โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนควรทยอยขาย หากดัชนีฯแตะบริเวณ 1,540 จุด ทั้งนี้ประเมินแนวรับแรกไว้ที่ 1,500 จุด แนวรับถัดไปไว้ที่ 1,490 จุด และประเมินแนวต้านแรกไว้ที่ 1,530 จุด แนวต้านถัดไปไว้ที่ 1,540 จุด สำหรับดัชนีหุ้นไทยวานนี้(25 มี.ค.) ปิดตลาดที่ระดับ 1,523.95 จุด เพิ่มขึ้น 44.98 จุด หรือ 3.04% มีมูลค่าการซื้อขาย 58,345.60 ล้านบาท
           ด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่าทางบริษัท ได้คัดสรรหุ้นกลุ่มพื้นฐานดีที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถทำ rebound ได้ในช่วง 1- 3 เดือนข้างหน้า โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) หุ้นอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีรายได้จากการโอนที่ค่อนข้างแน่นอน และสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้จากการที่กนง. มีโอกาสลงมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงไตรมาส 2/56 ได้แก่ LH SIRI QH LPN และ AP 2) หุ้นกลุ่มยานยนต์ เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกในกรณีเงินบาทแข็ง และยังมีออเดอร์ครอบคลุมรายได้ทั้งปี 2556 แล้ว รวมทั้งหุ้นที่มี Catalyst ใน 3-6 เดือนข้างหน้า และต้องเป็นบริษัทที่มีรายได้แน่นอน กำไรมั่นคง ได้แก่ CPF BAY MINT JAS SAT KAMART PM และ AH ส่วนหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ 1) หุ้นที่มีรายได้และกำไรไม่คงที่ เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่, Soft Commodity และ 2) หุ้นในกลุ่มที่มี PE สูงเกิน 20 เท่า จะมี Incentive ในการซื้อน้อยลง และปันผลน้อย-ไม่ปันผลเลย เช่น BMCL GRAND NEP CEN AIM PE SUPER และ EMC”

 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น