เฟดจ่อลดขนาดQEถล่มกองทุนหุ้นดิ่ง11%
เฟดจ่อลดขนาดQEถล่มกองทุนหุ้นดิ่ง11%
เฟดจ่อลดขนาดQEถล่มกองทุนหุ้นดิ่ง11%
ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งเหว! หลังเฟดจ่อลดขนาดQE กดดันผลตอบแทนกองทุนหุ้นบ้านเราผลตอบแทนลดลงเฉลี่ย 9-11% ย้อนหลัง 5 ปียังเป็นบวก 15-18% ต่อปี
นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุน บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) ลงเหลือ 2.50% ตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลกในระยะเวลาประมาณ 11 วัน (นับถึงวันที่ 12 มิ.ย. 56) ตลาดหุ้นไทย (SET) ปรับตัวลงมาแล้ว 11.49% และดัชนี SET50 ปรับตัวลดลง 11.35%
ส่งผลทำให้กองทุนหุ้นปรับตัวลดลงตามไปด้วย โดยในส่วนของกลุ่ม "กองทุนหุ้นขนาดใหญ่" ปรับตัวลงมาเฉลี่ย 11.51% และกลุ่ม "กองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก" ปรับตัวลงมาเฉลี่ย 9.91% จากความกังวลเรื่องการที่ธนาคารสหรัฐจะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบผ่อนคลาย (QE) ทำให้มีแรงขายหุ้นออกมาจากทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
หากมองตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) ตลาดหุ้นไทยในช่วงประมาณ 5 เดือน ครึ่งนี้ก็ยังคงให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกอยู่โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.98% และดัชนี SET50 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.58% เช่นเดียวกับ “กองทุนให้ขนาดใหญ่” ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.54% และกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 9.28%
"ปัจจัยความกังวลของนักลงทุนอาจจะเป็นเพียงปัจจัยที่เข้ามากระทบตลาดหุ้นในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าตลาดหุ้นจะลงต่อหรือไม่หรือลงไประดับใด แต่สิ่งที่นักลงทุนควรสนใจ คือ การลงทุนระยะยาวในหุ้นยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนประเภทอื่นโดยเปรียบเทียบซึ่งหากนักลงทุนระยะยาวในหุ้นแล้วก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าที่จะมองการลงทุนในภาพระยะที่สั้นเกินไป"
นายกิตติคุณ ยังกล่าวอีกว่า หากดูผลตอบแทนของกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ในช่วง 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี ย้อนหลัง พบว่า ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 29.75% ,25.52% และ 15.38% ตามลำดับ ในขณะที่กลุ่มกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาดังกล่าวที่ 36.32% ,29.03% และ 18.58% ตามลำดับเช่นกัน ซึ่งหากมองภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ยาวขึ้นจะพบว่ายังคงเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาวที่ดีแม้ในระหว่างทางนั้นอาจจะมีความผันผวนบ้างก็ตาม ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
ดังนั้นหากเป็นนักลงทุนระยะยาวในหุ้นก็มองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยลงทุนโดยมองเป้าหมายในระยะยาวเป็นหลักมากกว่า ต้องไม่ลืมว่าในช่วง 5 ปี ย้อนหลัง ตลาดหุ้นไทยก็ผ่านช่วงวิกฤติมาแล้วหลายวิกฤติแต่ก็ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีได้ จึงไม่อยากให้นักลงทุนกังวลมากจนเกินไปและควรหันมาเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนในหุ้นโดยเน้นการลงทุนระยะยาวเพื่อเป้าหมายในระยะยาวจะดีกว่า
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น