วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

BTSกำไรQ1กระฉูด! บุ๊คพิเศษ3.1หมื่นล้าน ประมูลเดินรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง 1 แสนลบ.

BTSกำไรQ1กระฉูด!
บุ๊คพิเศษ3.1หมื่นล้าน
ประมูลเดินรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง 1 แสนลบ.

ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2556 
ผู้เข้าชม : 10 คน 


BTS เตรียมบุ๊คกำไรพิเศษจากการขายกองทุน BTSGIF กว่า 3.1 หมื่นล้านบาท ใน Q1/56 การันตีมีเงินจ่ายปันผล 3 ปีต่อเนื่อง บวกปริมาณผู้โดยสารโตไม่หยุด หลังขึ้นค่าโดยสารตั้งแต่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา เล็งประมูลเดินรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท

นายสุรพงษ์  เลาหะอัญญา  กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ  บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮล ดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BTS  เปิดเผยถึงการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1/2556 (เม.ย.-มิ.ย.) ว่า BTS จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายรายได้ค่าโดยสารสุทธิที่เกิดจากระบบรถไฟฟ้าสายหลักให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) จำนวน 31,000 ล้านบาท 
ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 1/2556 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 8% เฉลี่ยอยู่ที่ 6 แสนคนต่อวัน  และพบว่าแม้จะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบให้ผู้โดยสารลดลง ซึ่งสาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้โดยสารเปลี่ยนจากใช้เหรียญโดยสาร มาเป็นบัตรโดยสารแบบเติมเงินมากขึ้น เพราะ BTS ยังคงราคาเดิมสำหรับผู้ใช้บัตรโดยสารจนถึงสิ้นปีนี้
“ไตรมาส 1 นี้เราจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากที่เราลงทุนใน BTSGIF ไว้ และได้ผลตอบแทนกลับคืนมาประมาณ 31,000 ล้านบาท ส่วนผู้โดยสารช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 1/2556 เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 8% และการขึ้นค่าโดยสารไม่ได้ส่งผลกระทบให้ผู้โดยสารลดลง คิดว่าสาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะผู้โดยสารหันมาใช้บัตรเติมเงินมากขึ้น เพราะเรายังคงค่าโดยสารประเภทบัตรเติมเงินไว้จนถึงสิ้นปีนี้  ซึ่งจากนี้ไปเราคงต้องพิจารณาดัชนีผู้บริโภคเพื่อปรับขึ้นค่าโดยสารทุกๆ 2 ปี เนื่องจากการปรับขึ้นครั้งล่าสุดนี้เราไม่ได้ปรับมานานมาก พอปรับ คนเลยมองว่าปรับขึ้นสูงมาก” นายสุรพงษ์  กล่าว
นายสุรพงษ์  กล่าวต่อว่า  รายได้จากการลงทุนในกองทุน BTSGIF จำนวน 31,000 ล้านบาท จะเป็นสิ่งการันตีได้ว่า BTS มีเงินสำหรับจ่ายปันผลได้ตลอด 3 ปี (2557-2559) เช่นที่ประกาศนโยบายไปแล้ว ในอัตรา 6,000 ล้านบาท 7,000 ล้านบาท และ 8,000 ล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งเตรียมเงินไว้สำหรับแข่งขันรับงานเดินรถไฟฟ้า 3 สายของรัฐบาลที่จะเปิดประกวดราคาเร็วๆ นี้ คือ สายสีเขียวเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และสีเขียวใต้ แบริ่ง-สมุทรปราการ โดยทั้ง 2 เส้นทางดังกล่าวต่อเชื่อมกับรถไฟฟ้า BTS ปัจจุบันที่ต่อขยายจากอ่อนนุชไปถึงแบริ่ง และอีก 1 สายที่จะเข้าแข่งขันคือ สายสีชมพู แคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี ซึ่งใช้ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Mono Rail) รวม 3 โครงการ มีมูลค่าประมาณ 100,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายใช้รูปแบบในรูปแบบรัฐและเอกชนลงทุนร่วมกัน (Public private Partnership : PPP) ประเภท Gross Cost เช่นเดียวกับสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ คือ รัฐลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และจัดเก็บค่าโดยสาร โดยให้เอกชนลงทุนระบบรถไฟฟ้า ทำหน้าที่เดินรถ แล้วจ่ายเป็นเงินค่าจ้างแบบกำหนดราคาคงที่ ซึ่งรูปแบบเช่นนี้เอกชนจะไม่มีความเสี่ยงในการรับงาน เพราะไม่ต้องกังวลกับปริมาณผู้โดยสารและอัตราค่าโดยสาร 
“ตอนนี้เรามีกระแสเงินสดในมือประมาณ 35,000 ล้านบาท แล้วยังมีรายได้เข้ามาทุกวัน เรื่องการันตีจ่ายปันผล 3 ปี จึงไม่ใช่ปัญหาเลย และเรายังเตรียมตัวที่จะเข้าแข่งประมูลเดินรถ 3 เส้นทาง อย่างสายสีเขียว 2 เส้น เราเชื่อว่าเราได้เปรียบคู่แข่ง เพราะเป็นเส้นทางที่ต่อเชื่อมกับ BTS ปัจจุบัน ถ้าเราได้งานผู้โดยสารก็สบายไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถ และรัฐมีนโยบายจ้างแบบ PPP Gross Cost เอกชนก็ไม่มีความเสี่ยง เพราะรับจ้างเดินรถอย่างเดียว หรือถ้าหากเราไม่ได้งานอย่างที่หวัง ผู้โดยสารของเราก็ยังโตต่อเนื่อง เพราะยังไงคนกรุงเทพฯก็ต้องเดินทางแบบนี้ไปอีก 20 ปี ที่สำคัญคือ พอรัฐก่อสร้างระบบราง 10 สายตามแผน รถไฟฟ้าเหล่านี้ก็จะกลายเป็นฟีดเดอร์ป้อนคนเข้าระบบของเราอยู่ดี” นายสุรพงษ์  กล่าว
นายสุรพงษ์  กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดยังมีหลายประเทศในและนอกแถบอาเซียน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย ติดต่อมาให้ BTS ไปรับงานเดินรถ แต่ BTS อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดทั้งความเป็นไปได้ ความเสี่ยงต่างๆ และผลตอบแทนที่จะได้รับ ซึ่งต้องใช้เวลาศึกษาอีกระยะจึงจะตัดสินใจได้ว่าควรรับงานเดินรถตามที่มีการติดต่อมาหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น