ลือจีนอัดเงินเข้าตลาด ทำดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ลดลง ด้านนักวิเคราะห์เตือน วิกฤติขาดแคลนเงินสด ทำความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจให้มากขึ้น

วานนี้ (21 มิ.ย.) อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนระยะ 7 วัน ซึ่งเป็นมาตรวัดสำหรับการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคาร ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 8.33% จากระดับปิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (20 มิ.ย.) ซึ่งพุ่งขึ้นไปถึง 11.62% ท่ามกลางข่าวลือว่าธนาคารกลางจีนได้กดดันให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้

ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารของจีน ทะยานสูงขึ้นมาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการที่ธนาคารกลางจีน ไม่อัดฉีดเม็ดเงินเข้าตลาดเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เพราะกังวลถึงการขยายตัวของหนี้เสีย แต่ท่าทีดังกล่าวก็เพิ่มแรงกดดันให้กับเศรษฐกิจจีนเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้สื่อจีนพากันรายงานว่า ธนาคารกลางได้อัดฉีดเงินราว 40,000 ล้านหยวน ให้กับหลายธนาคาร เพื่อบรรเทาวิกฤติการเงินตึงตัวดังกล่าว โดยนับตั้งแต่เกิดวิกฤติสินเชื่อตึงตัวขึ้นมานั้น ธนาคารกลางจีนไม่ได้มีการแถลงถึงความตั้งใจ หรือส่งสัญญาณถึงการเคลื่อนไหวใดๆ ในเรื่องนี้

วันเดียวกันนี้ เอเอ็นแซด แบงกิ้ง กรุ๊ป ชี้ว่า ในช่วงเวลาที่จีนยังตกอยู่ในภาวะขาดสภาพคล่องนั้น บรรดาธนาคารพาณิชย์จีน ก็ได้ชะลอการปล่อยสินเชื่อลงมาอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นการเคลื่อนไหว ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงเศรษฐกิจขาลงอย่างมาก

ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก ขยายตัวเพียงแค่ 7.8% ในปีที่แล้วซึ่งเป็นอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 13 ปี และการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนที่ 7.7% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ก็ต่ำกว่าการคาดการณ์อย่างมาก




กรุงเทพธุรกิจ