หุ้นเอเชียจะนำการดีดตัวทั่วโลกจนถึงปลายปี
ต่างประเทศ วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน 2556 ผู้เข้าชม : 9 คน
รอยเตอร์ - นักวิเคราะห์ชี้เอเชียจะเป็นหัวหอกในการดีดตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่ขณะนี้จนถึงปลายปี แต่หุ้นอเมริกาและยุโรปจะปรับตัวขึ้นพอประมาณ และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะชะลอโครงการซื้อสินทรัพย์มากกว่าที่จะหยุดไปโดยสิ้นเชิงโดยอาจจะดำเนินการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ปีนี้เป็นปีที่ค่อนข้างสับสนสำหรับดัชนีหุ้นชั้นนำของโลก การดีดตัวแบบคอขวดเมื่อต้นปีเปิดทางให้เกิดความวิตกอย่างรุนแรงเมื่อเฟดเปรยๆว่าอาจจะเริ่มลดการซื้อสินทรัพย์เพื่อผ่อนคลายเชิงปริมาณ ซึ่งเป็นเงินที่ได้ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจนักวิเคราะห์และนักลงทุนมากกว่า 250 คน ของรอยเตอร์ในสัปดาห์นี้ชี้ว่า เสียงส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าหุ้นจะยังคงปรับตัวขึ้นเพราะหุ้นเป็นหนึ่งในสินทรัพย์เพียงไม่กี่ประเภทที่ยังคงให้อัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมอยู่
แม้ว่าหุ้นญี่ปุ่นและหุ้นเอเชียมีผลงานแย่ที่สุดในบรรดา 22 ดัชนีที่ครอบคลุมในผลสำรวจนี้ แต่นักวิเคราะห์คาดว่ามันจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากนี้ไปเพื่อพยายามปรับตัวขึ้นเมื่อมีความเชื่อมั่นในตลาดเหล่านี้
ในการประมาณการดัชนีหุ้นเอเชียในช่วงปลายปี 2556 ทั้งหมด มีถึง 94%ที่คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับที่ปิดตลาดในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งได้แก่ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ไต้หวัน และฮ่องกง
ในทางกลับกัน คาดว่าการดีดตัวค่อนข้างมากในตลาดหุ้นใหญ่ๆในชาติตะวันตก จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นการสะท้อนความเป็นจริงของเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลกที่มีความไม่แน่นอนเนื่องจากยังต้องกระเสือกกระสนที่จะสร้างการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะถดถอยที่โจมตีในยุโรป
เอ็มมานูเอล คัว นักกลยุทธ์ของเจพี กล่าวว่า สตอรี่พื้นฐานไม่ได้กำลังเร่งการเติบโตทั่วโลกแต่ทำให้เกิดเงินเฟ้อสินทรัพย์ขึ้นมาใหม่มากกว่า แต่จนถึงขณะนี้ หุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาสมเหตุสมผลที่สุด เป็นสินทรัพย์ตัวเดียวที่แนวโน้มผลตอบแทนที่แท้จริงเป็นบวก
การไหลเวียนของเงินที่ธนาคารกลางให้มาอย่างง่ายดาย ได้ทำให้ทั้งราคาหุ้นและพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น ทำให้พันธบัตรและหุ้นน่าสนใจมากขึ้น โดยมีเพียงไม่กี่ตัวที่ติดลบ
นักวิเคราะห์ 57 คนจากจำนวน 70 คนที่สำรวจมา คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มลดขนาดในการพิมพ์เงินโดยส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนปลายปี ส่วนที่เหลือคาดว่า เฟดจะซื้อสินทรัพย์ต่อไปซึ่งในขณะนี้เฟดพิมพ์เงินใหม่ๆ อยู่ 85,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน
คริสติน่า ฮูเปอร์ หัวหน้านักกลยุทธ์พอร์ตของอัลลิแอนซ์ โกลบัล อินเวสเตอร์ กล่าวว่า ลมต้านที่สำคัญที่สุดสำหรับตลาดจะอยู่ที่ข่าวลือเกี่ยวกับการลดโครงการซื้อสินทรัพย์ ในขณะเดียวกัน การสร้างความชัดเจนจากเฟดก็เป็นลมใต้หางที่มีศักยภาพที่สุด
คาดว่าดัชนีนิกเกอิจะปรับตัวขึ้นอีกเล็กน้อย นักวิเคราะห์เห็นว่า นิกเกอิจะเป็นดัชนีที่ดีที่สุดโดยคาดว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้น 53% ในปีนี้ ทั้งนี้เป็นเพราะว่า เงินเยนอ่อนตัวลง และนโยบายขยายด้านการเงินและการคลังอย่างรุนแรงของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ หรืออาเบะโนมิคส์ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ดัชนีนิกเกอิแข็งแกร่งเช่นนั้น
มาซายูกิ คูโบตะ ผู้จัดการกองทุนอาวุโสของไดวา เอสบีไอ อินเวสเมนท์ กล่าวว่า ธนูดอกแรกของนโยบายอาเบะโนมิคส์ หรือการผ่อนคลายเงิน ได้ประสบความสำเร็จเนื่องจากมันได้แก้ไขความแข็งแกร่งมากเกินไปของเงินเยน และมันจะเพิ่มกำไรให้กับบริษัท
ผลการสำรวจยังพบว่า ดัชนีอื่นๆในตลาดเกิดใหม่ของเอเชียแม้ไม่ดีนัก แต่ความหวังที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวและการประเมินมูลค่าที่น่าสนใจ ควรจะสร้างความมั่นใจได้ว่า หุ้นจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และอินเดีย จะปิดท้ายในปีนี้อย่างแข็งแกร่ง
ส่วนดัชนีในลาตินอเมริกาได้อดทนต่ออารมณ์อันร้อนแรงของปี 2556 โดยหุ้นบราซิลติดลบมากกว่า 19 ในปีนี้ ซึ่งเป็นดัชนีที่แย่ที่สุดได้ง่ายเมื่อภาวะเศรษฐกิจที่นั่นเลวร้ายลง แม้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าหุ้นบราซิลจะดีขึ้น แต่ผลการสำรวจชี้ว่ายังมีความไม่แน่นอนมาก
ส่วนในยุโรปและอเมริกาเหนือ ในขณะนี้นักวิเคราะห์มองว่าหุ้นจะปรับตัวขึ้นจากนี้ไปได้จำกัด แม้ว่ามีนักวิเคราะห์ไม่ถึงหนึ่งในห้าที่คาดว่าผลตอบแทนจะติดลบระหว่างขณะนี้จนถึงปลายปี 2556
นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะปรับตัวขึ้นพอประมาณ 4% จากนี้ไปจนถึงปลายปี หลังจากที่ได้ปรับตัวขึ้นเกือบ 15% แล้วในปีนี้ ในทำนองเดียวกัน คาดว่า ดัชนีหุ้นสำคัญของยุโรปจะดีดตัวขึ้น ประมาณ 4-5%ก่อนสิ้นปี โดยดัชนีหุ้นเยอรมันและเอฟทีเอสอีในลอนดอน จะเป็นดัชนีที่ดีที่สุดในปีนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น