CNT เพิ่มเป้ารายได้ปีนี้9พันล้าน
บริษัทจดทะเบียน วันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2556 ผู้เข้าชม : 4 คน
นายสมชาย จองศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CNT เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 9,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 7,321 ล้านบาท จากเดิมในช่วงต้นปีตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่ 8,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีมูลค่างานในมือ (Backlog) กว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 70% หลังไตรมาส 1/56 บริษัทมีรายได้แล้ว 2,129 ล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมงานก่อสร้างดีมาก โดยเฉพาะงานในส่วนที่บริษัทดำเนินการอยู่ เช่น งานก่อสร้างโรงงาน ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลังงาน และงานด้านโรงแรม ซึ่งเริ่มกลับมารุกตลาดตั้งแต่ปี 2555 หลังจากชะลอไปเมื่อปี 2551 เนื่องจากทิศทางโรงแรมเริ่มดีขึ้น โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทจะอยู่ที่งานก่อสร้างโรงงาน 29% งานก่อสร้างไฮเปอร์มาร์เก็ต 20% งานก่อสร้างด้านพลังงาน 20% งานก่อสร้างด้านโรงแรม 15% ส่วนที่เหลือจะเป็นงานก่อสร้างด้านอื่นๆ
“งานก่อสร้างโรงงานมีเข้ามามากโดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากญี่ปุ่นหันมาใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตมากขึ้น แม้ว่าเงินเยนขณะนี้จะอ่อนค่าก็ตาม แต่ต้นทุนในการผลิตในประเทศญี่ปุ่นยังอยู่สูง จากตัวเลขส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอพบว่า
ยอดการเข้ามาลงทุนของเอสเอ็มอีญี่ปุ่น มีจำนวนสูงมาก และยังไม่รวมกับผู้ประกอบการจากยุโรปและจีน ซึ่งน่าจะมีเข้ามาอีกมาก” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย เปิดเผยต่อว่า ในส่วนของการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 175 ล้านหุ้น บริษัทคาดว่าจะดำเนินการเสนอขายได้ภายในช่วงไตรมาส 3/56 โดยเลื่อนมาจากแผนเดิมที่คาดว่าจะขายได้ในช่วงสองสัปดาห์ก่อน เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน คือทางกลุ่มธนาคารกรุงเทพแนะนำให้บริษัทเลื่อนการขายหุ้นออกไปก่อน
อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการเพิ่มทุนในช่วงนี้ โดยบริษัทจะเสนอขายในราคาที่มีส่วนลดไม่เกิน 10% จากราคาในกระดานช่วงระยะ 7-10 วัน ก่อนที่จะมีการขายหุ้น ซึ่งบริษัทคาดว่าน่าจะได้รับเงินจากการขายหุ้นครั้งนี้ประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยจะเป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันในประเทศทั้งหมด
“หุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ของบริษัทที่จะเสนอขายในครั้งนี้ ไม่ได้มาก โดยบริษัทจะขายให้เฉพาะนักลงทุนสถาบันในประเทศเพียงกลุ่มเดียว เนื่องจากบริษัทมองว่านักลงทุนสถาบันในประเทศขณะนี้ มีกำลังในการลงทุนสูงมาก”
สำหรับเงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปลงทุนซื้อที่ดินประมาณ 300-400 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารประกอบโรงเหล็ก และซื้อเครื่องจักรเพื่อรองรับงานใหม่ในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันการเช่าเครื่องจักรค่อนข้างเต็ม เนื่องจากปริมาณงานในระบบมีจำนวนสูง ทำให้ความต้องการเครื่องจักรมีมาก ส่วนเงินที่เหลือบริษัทจะนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากมูลค่างานในมือมีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น