TOGต่างประเทศฟื้นดันงบQ2
บริษัทจดทะเบียน วันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2556
ผู้เข้าชม : 6 คน
นาย (ออเดอร์) เข้ามาตามที่คาดหมายไว้ แม้ว่าในช่วงเดือนเม.ย.จะมีวันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ แต่ในเดือนพ.ค.ถือว่าดี จึงเหลือเพียงรอดูสถานการณ์ในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งในเบื้องต้นยอดขายในไตรมาส 2 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/56 ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายประมาณ 1,600 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 15% จากปีก่อนที่ 1,500 ล้านบาท
“ในไตรมาส 2/56 บริษัทมีออเดอร์เข้ามาตามที่คาดหมายไว้ ทั้งตลาดยุโรปที่เป็นตลาดหลักของการส่งออกของบริษัท แล้วยังได้ออเดอร์จากประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์มาเพิ่ม ประกอบกับตลาดสหรัฐอเมริกาก็มีการฟื้นตัวที่ดี รวมถึงตลาดในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและจัดเป็นไตรมาสที่ดีอีกไตรมาสหนึ่งของปีนี้”
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ของบริษัท ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับลดลงจาก 30% มาที่ 28% และมาเหลือ 25% สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 25-28% ซึ่งบริษัทจะเพิ่มยอดขายโดยเน้นเพิ่มปริมาณการขายให้มากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมโปรดักต์ ที่จะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้น
ด้านแผนการลงทุนปีนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้เงินไปประมาณ 30-40 ล้านบาท ในการลงทุนซื้อเครื่องจักร เพื่อรองรับออเดอร์ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศวิรัช ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG กล่าวว่า การดำเนินงานในไตรมาส 2/56 บริษัทมีคำสั่งซื้อ ออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์ ที่มีออเดอร์เข้ามามากกว่าปีที่แล้วประมาณ 20% ทั้งนี้เครื่องจักรได้เข้ามาบางส่วนในช่วงไตรมาส 1/56 และเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงไตรมาส 2/56 ดังนั้นในไตรมาส 3/56 น่าจะเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่
“บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตในส่วนของธุรกิจแล็บเพิ่มขึ้นประมาณ 20% รองรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ที่เพิ่มขึ้น จากประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ ที่เพิ่มเข้ามาประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่างเลนส์กันแรงกระแทกสูง ขณะเดียวกัน ตลาดสหรัฐอเมริกาก็เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีก่อนบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 94% ส่วนที่เหลือประมาณ 6% เป็นการขายในประเทศ”
สำหรับการขยายธุรกิจ ทำให้บริษัทมีโอกาสทำกำไรให้มีการเติบโตจากธุรกิจห้องแล็บ ซึ่งมีการเติบโตดีในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีมาร์จิ้นที่ดี อย่างเลนส์กันแรงกระแทกสูง รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่อีกประมาณ 1-2 รายการ
ด้านการลงทุนในต่างประเทศ ล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม หรือในลักษณะจอยท์เวนเจอร์ เพื่อจัดตั้งห้องแล็บ คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 3 นี้ และน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี จะถึงจุดคุ้มทุน (เบรกอีเวนต์) ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศสิงคโปร์ และประเทศมาเลเซีย ที่จะต้องใช้เวลา 2-3 ปี เนื่องจากมีการแข่งขันสูง
“การไปลงทุนจัดตั้งห้องแล็บในต่างประเทศ บริษัทจะทำร่วมกับคู่ค้า ในลักษณะจอยท์เวนเจอร์ เดิมบริษัทมีห้องแล็บในประเทศสิงคโปร์ และประเทศมาเลเซีย แต่ล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 3 นี้”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น