ผู้บริหารสัมมากร-เอ็นซีเฮ้าส์ซิ่ง ยอมรับขณะนี้มีสัญญาณ โอเวอร์ซัพพลายกลุ่มคอนโดมิเนียม แต่ยังไม่รุนแรงถึงขนาดวิกฤตเท่าปี2540

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร หรือ SAMCO กล่าวว่า ขณะนี้มีสัญญาณฟองสบู่เกิดขึ้นจริง กับกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมบางทำเลที่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก ซึ่งสถานการณ์ยังไม่รุนแรงมาก จนทำให้เกิดปัญหาใหญ่เหมือนในอดีต โดยสังเกตจากการขายใบจองจำนวนมาก แต่ยอดโอนคอนโดปัจจุบันเริ่มชะลอตัวลงบ้าง ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการที่มีแผนจะสร้างคอนโดมิเนียมเช่นกัน จึงต้องใช้ความระมัดระวัง และเริ่มติดตามปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

"ตอนนี้ต้องติดตามดูว่า ยอดโอนคอนโดมิเนียมจะเป็นอย่างไร เพราะเริ่มเห็นสัญญาโอเวอร์ซัพพลายในบริษัทขนาดเล็ก แต่ปัญหายังไม่รุนแรงแรงเท่ากับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการที่จะทำคอนโด ต้องระมัดระวังมากขึ้น และเตรียมแผนรับมือไว้ด้วย ขณะที่แนวราบยังไม่เห็นมีสัญญาณที่น่ากลัวเกิดขึ้น"นายกิตติพลกล่าว

เขากล่าวว่า กรณีที่คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดดอกเบี้ยก็เกิดจากแรงกดดัน และไม่ได้ช่วยเพิ่มกำลังซื้อผู้บริโภค เพราะธนาคารเอกชนก็ไม่ได้ลดดอกเบี้ยตามทำให้กำลังซื้อไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่อาจจะเริ่มลดลง เพราะเริ่มกังวลภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัวลง ทำให้การตัดสินใจซื้อช้าลง หากมีสัญญาณเศรษฐกิจที่ไม่ดีอย่างชัดเจน กำลังซื้อก็น่าจะลดลงชัดเจนมากขึ้น

บริษัทมีแผนจะนำคอมมูนิตี้มอลล์มาจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภท รีทส์ โดยปัจจุบันมีอยู่แล้ว 3 แห่ง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 1 แห่ง จ.ขอนแก่น มูลค่าการระดมทุนประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งหากตั้งกองทุนดังกล่าวได้ก็จะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์ทั้งในแง่ของรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการจัดตั้งฯกองทุนด้วย

ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ระดับ1 พันล้านบาท จากปี 2555 ที่มีรายได้ 839 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ากำไรสุทธิไว้ที่ 95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 49 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทฯจะมีการเปิดโครงการใหม่ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.4 พันล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการในแนวราบทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 1 พันล้านบาท

ขณะที่ส่วนของอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 9-10% ซึ่งถือว่าเติบโตได้ดีกว่าปี 2555 ที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5% เนื่องจากในปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาฟื้นตัวได้ดีอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้รับผลกระทบในช่วงน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ทั้งนี้ บริษัทคาดแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/56 จะเติบโตได้ดีกว่างวดเดียวกันปีก่อน

ส่วนปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไม่น้อยกว่า 1.25 พันล้านบาท โดยจะแบ่งเป็นงบซื้อที่ดินประมาณ 250 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ในส่วนนี้ ขณะที่เหลืออีก 1 พันล้านบาท จะเป็นงบลงทุนสำหรับการก่อสร้างโครงการต่างๆ ซึ่งในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายจะเปิดโครงการใหม่

นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง (NCH) กล่าวว่าภาพสถานการณ์ฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตอนนี้ยังไม่น่ารุนแรงเท่ากับช่วงวิกฤติในอดีต แต่ยอมรับว่ามีการเกิดโอเวอร์ซัพพลายในบางทำเล เช่นในธุรกิจคอนโดมิเนียม ปัจจุบันมีโอเวอร์ซัพพลายมากสุด ซึ่งคงต้องติดตามสถานการณ์ให้ชัดเจนกว่านี้

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ทางการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้มีอิทธิพลทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นได้ เพราะตอนนี้ผู้บริโภคส่วนมากจะพิจารณาที่ภาพรวมเศรษฐกิจมากกว่า การลดดอกเบี้ยเป็นเพียงการส่งสัญญาณกระตุ้นเท่านั้น

"ปัจจุบันบางธุรกิจเริ่มมีโอเวอร์ซัพพลายเกิดขึ้น และอยู่ในบางทำเล ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจคอนโดมิเนียม แต่ก็ไม่น่าจะรุนแรงเหมือนฟองสบู่ตอนปี 2540 ในส่วนของบริษัทเอ็นซีฯยังเน้นสินค้าหลักเป็นโครงการแนวราบเพราะมองว่ายังมีดีมานที่โตต่อเนื่อง"ประธานกรรมการบริหารกล่าว

บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิปีนี้ที่ 8% สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 7% และวางเป้าในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 10% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะพยายามรักษาระดับไว้ที่มากกว่า 30% ใกล้เคียงปีก่อน โดยในไตรมาส 1/56 อยู่ที่ 33%

ทั้งนี้บริษัทคาดว่ากำไรในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 100.08 ล้านบาท หลังจากแนวโน้มยอดขายในปีนี้จะสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 3.2 พันล้านบาท




กรุงเทพธุรกิจ