เซียนหุ้น ประสานเสียงหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (9-12 เม.ย.56)ปรับฐานลง 1,465-1,480จุด เหตุความเสี่ยงสงครามคาบสมุทรเกาหลี -แรงขายก่อนหยุดยาวสงกรานต์กดดัน กูรูชี้ปัญหาการเมืองป่วนอาจทำทุนนอกเผ่นช่วง 2-3 เดือนจากนี้ ขณะที่ 3 วันทำการหลังสุดต่างชาติขายสุทธิร่วม 9 พันล้านบาท ด้านบล.ธนชาต สั่ง"ลดพอร์ต” ฟากเคที ซีมิโก้ งัด 4 กลยุทธ์ลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่สูงขึ้น ส่วนบล.เอเซียพลัสมองหุ้นไทยไตรมาส 2/56 ยังอยู่ในช่วงปรับฐาน
ดัชนีตลาดหุ้นไทย(5 เม.ย. 56) ปิดที่ 1,489.53 จุด ลดลง -38.93 จุด หรือ -2.55% มูลค่าการซื้อขาย 49,849.77 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 3,905.14 ล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิแล้ว 8,971.83 ล้านบาท
*เซียนหุ้น ชี้ หุ้นไทยสัปดาห์นี้ ปรับฐานลง 1,465-1,480จุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ คาดว่าจะเป็นไปในลักษณะแกว่งตัวลดลง (sideway down) โดยดัชนีฯจะมีรีบาวน์สลับเข้ามาบ้างแต่จะปรับขึ้นไปได้ไม่ไกล เพราะเป็นช่วงของการปรับฐานของดัชนีฯ หลังจากก่อนหน้านี้ดัชนีฯได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทดสอบระดับ 1,600 จุด และได้ปรับตัวลดลงแรงในช่วงถัดมา นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงของวันหยุดยาวทำให้นักลงทุนอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ
" ทั้งนี้ ภาพรวมของตลาดฯที่เป็นลักษณะsideway down นั้นมาจากตลาดฯขาดปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ากระตุ้นการลงทุนทำให้เกิดแรงขายนำออกมา ทั้งจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน โดยกรอบดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวลงอยู่ในกรอบแนวรับที่ 1,465-1,480 จุด และมีแนวต้านที่ 1,520-1,510 จุด อย่างไรก็ตาม หากตลาดฯยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามากระตุ้นดัชนีหุ้นไทยก็มีโอกาสปรับฐานลดลงไปแตะที่ระดับ 1,450-1,420 จุดได้ในระยะต่อไปแต่เชื่อว่าจะยังไม่เห็นในช่วงสัปดาห์หน้า แต่ถือเป็นจังหวะให้นักลงทุนเข้าไปซื้อสะสมหุ้นได้ โดยเน้นหุ้นที่คาดว่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีในครึ่งปีหลัง อาทิ กลุ่มธนาคาร กลุ่มวัสดุก่อสร้าง" นายสมชายกล่าว
ด้านนายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับการปกคลุมจากปัจจัยลบของต่างประเทศ อาทิ ประเด็นสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี ไข้หวัดนกในประเทศจีน และปัญหาหนี้ในประเทศแถบยุโรป ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุม ส่วนปัจจัยภายในประเทศยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวแนวโน้มตลาดฯยังเป็นลักษณะแกว่งตัวลง เนื่องจากในสัปดาห์หน้าเป็นช่วงวันหยุดยาวและกำลังรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆซึ่งหากมีความคืบหน้าไปในทิศทางดีขึ้นก็สามารถเข้าเก็งกำไรได้ แต่หากยังไม่มีความชัดเจนการเข้าไปเก็งกำไรก็ยังทำได้ยาก
สำหรับกรอบดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้คาดว่าอยู่ในกรอบ 1,480-1,530 จุด แต่หากยังไม่มีความคืบหน้าในทิศทางเชิงบวกของปัจจัยดัชนีฯมีโอกาสพักฐานลงไปที่ 1,460 จุดได้ในระยต่อไป ส่วนหุ้นที่มีความน่าสนใจ ได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคาร อาทิ BBL SCB และกลุ่มสื่อสาร อาทิ ADVANC DTAC INTUCH เป็นต้น
* กูรู ชี้การเมืองป่วน อาจทำทุนนอกเผ่น ช่วง 2-3 เดือนจากนี้
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสำนักวิจัย บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ คาดว่าจะเข้าสู่ในช่วงของการพักฐานเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างชะลอการลงทุนเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงเทศกาลหยุดยาวช่วงสงกรานต์ จึงทำให้บรรยากาศการลงทุนเป็นไปอย่างซบเซา ประกอบกับปัญหาข้อพิพาทในคาบสมุทรเกาหลี ที่ถึงแม้ว่าจะยังไม่เกิดเหตุร้ายแรงใดๆ แต่ยังคงส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาในการลงทุนได้
" คาดว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์หน้าคงจะซบเซาเนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลหยุดสงกรานต์จึงทำให้นักลงทุนต่างชะลอการลงทุน รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุป หรือเจรจาเพื่อยุติเหตุการณ์ดังกล่าว ถึงแม้ว่าจะยังไม่เกิดการสู้รบกันก็ตาม แต่จะสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง
นายอภิชาติ กล่าวต่อถึงกรณีที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ว่า น่าจะมาจากประเด็นการเมืองภายในประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กลุ่ม ส.ว.ได้ยื่นเรื่องให้ศาลพิจารณาว่าผิดหรือไม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้อาจจะส่งให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ ออกจากตลาดหุ้นไทยเป็นระยะเวลา 2-3 เดือนต่อเนื่องจากนี้
กลยุทธ์ การลงทุนในสัปดาห์ แนะหาโอกาสขายทำกำไร เมื่อดัชนีฯยืนอยู่เหนือ 1,480 จุด ประเมินแนวรับดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์หน้าเฉลี่ย 1,550 จุดและประเมินแนวรับเฉลี่ยไว้ที่ 1,480 จุด
* ธนชาต ชี้ SET ผันผวน สั่ง"ลดพอร์ต”
บทวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุว่า ขณะที่แม้ความกังวลต่อปัจจัยทางการเมืองในประเทศอย่างประเด็นการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายกฯ จะคลี่คลายไปแล้ว แต่ความกังวลต่อความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา จะยังเป็นประเด็นที่จะส่งผลต่อความขัดแย้งทางการเมืองในระยะถัดไป ประกอบกับใกล้ช่วยหยุดยาว ทำให้นักลงทุนที่ขายหุ้นออกไปก่อนหน้านี้ จะยังไม่รีบกลับเข้ามาซื้อเร็วๆ นี้
ทั้งนี้เราคาดว่า SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวนต่อไป และยังแนะนำ “ลดพอร์ต” เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของ SET ต่อเนื่อง
* เคที ซีมิโก้ งัด 4 กลยุทธ์ลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่สูงขึ้น
บทวิเคราะห์ บล.เคที ซีมิโก้ ระบุว่า การลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่สูงขึ้นแนะนำ เลือกลงทุน
1.หุ้นปันผลที่ให้ยิลด์ปีนี้มากกว่า 4% แนะนำ TVO- PTTGC -WORK- MODERN- KK
2) กลุ่มที่มีรายได้แน่นอน เช่น กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า กลุมโรงพยาบาล ฯลฯ แนะนำ RATCH- EGCO -BGH- BTS
3) กลุ่มที่มีความเสี่ยงขาลงต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจำกัด อิงหุ้นที่มีความยืดหยุ่นต่อรายได้ต่ำ (Low elasticity to income) ได้แก่ กลุ่มอาหาร เกษตร ค้าปลีก ฯลฯ และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายลงทุนของรัฐบาลและเอกชน แนะนำ CPALL -BIGC- GFPT- SORKON -SINGER -CK- BBL -LOXLEY
4) ส่วนหุ้น High Growth Play แนะนำ ขึ้นขาย ลงซื้อ ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ เนื่องจากเป็นหุ้นที่อ่อนไหวสูงสุด หากเกิดสงครามในคาบสมุทรเกาหลี เกิดขึ้น หุ้นเด่น SPCG -NUSA -PF -PSL- AJ- VNG- ERW
* กูรู คาดหุ้นไทยไตรมาส 2/56 ยังอยู่ในช่วงปรับฐาน
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นในช่วงไตรมาส 2/56 น่าจะยังอยู่ในช่วงปรับฐาน เนื่องจากค่าพีอีอยู่ในระดับสูงเกิน 17 เท่า ทำให้เชื่อว่าจะมีแรงขายทำกำไรในระยะสั้นออกมาอีกครั้ง ประกอบกับกระแสเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2 น่าจะปรับลดลงจากช่วงไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเม็ดเงินไหลเข้าจากสหรัฐ และยุโรปน่าจะปรับลดลง และเปลี่ยนเป็นกระแสเงินไหลเข้าจากญี่ปุ่นแทน ทั้งนี้ มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาค เนื่องจากอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในระดับสูงถึง 25% ทำให้แนวโน้มการเติบโตของดัชนีในอนาคตยังมีอีกมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น