โหวตซื้อMAKROฉลุย!
ผู้เข้าชม : 5 คน
ผู้ถือหุ้น CPALL ไฟเขียวซื้อหุ้น MAKRO 64.35% สัปดาห์หน้าลุยทำเทนเดอร์ฯ 85,570,500 หุ้น หรือ 35.65% ในราคา787 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่า 67,344 ล้านบาท เชื่อกระบวนการเสร็จภายในส.ค.นี้ เริ่มบุ๊ค MAKRO ได้ตั้งแต่ก.ย. 56
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL กล่าวว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทมีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO, บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท โอเอชที จำกัด จากบริษัท เอสเอชวี เนเธอร์แลนด์ บี.วี. จำนวน 154,429,500 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 64.35% คิดเป็นมูลค่า 121,536 ล้านบาท หรือประมาณ 4,247 ล้านเหรียญสหรัฐ ในราคา 787 บาทต่อหุ้น
โดยตามรูปแบบข้อตกลงและเงื่อนไขที่คู่สัญญาได้ตกลงร่วมกันและทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน MAKRO ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วย 6,226,369,193 เสียง คิดเป็น 87.07% ไม่เห็นด้วย 911,590,409 เสียง คิดเป็น 12.75% และงดออกเสียง 13,212,851 เสียง คิดเป็น 0.18% จากเสียงลงคะแนนรวม 7,151,172,453 หุ้น ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นด้วยด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
ทั้งนี้ บริษัทจะทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) หุ้น MAKRO ในช่วงสัปดาห์หน้า จำนวน 85,570,500 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 35.65% ในราคาเสนอซื้อ 787 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่า 67,344 ล้านบาท หรือประมาณ 2,353 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้บริษัทเข้าถือหุ้น MAKRO รวมทั้งสิ้น 240,000,000 หุ้น รวมเป็นมูลค่า 188,880 ล้านบาท หรือประมาณ 6,600 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทั้งหมดใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 28.6181 บาทต่อดอลลาร์
ดังนั้น คาดการณ์ว่ากระบวนการดังกล่าว น่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งหลังกระบวนการแล้วเสร็จบริษัทก็น่าจะเริ่มรับรู้รายได้จาก MAKRO เข้ามาในงบบัญชีของ CPALL ได้ตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นไป ส่วนกรณีค่าความนิยม (Goodwill) คาดว่าจะมีการบันทึกหลังจากกระบวนการเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ประเมินว่า CPALL อาจจะต้องบันทึกค่าความนิยมประมาณ 127,723 ล้านบาท รวมถึงประเมินการการเติบโตของ MAKRO ในช่วงปี 2557-2570 คาดว่าจะมีการขยายสาขาประมาณ 5-10 สาขาต่อปี ซึ่งการเติบโตของรายได้ต่อสาขาเดิมในช่วงปี 2556-2570 จะไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี และน่าจะมีการจ่ายปันผลประมาณ 50% ของกำไรสุทธิ
โดยแหล่งเงินในการซื้อกิจการ MAKRO ในครั้งนี้มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินกู้จากสถาบันการเงินรวม 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีระยะคืนชำระเงินกู้ 12 เดือน ซึ่งบริษัทจะเริ่มดำเนินการศึกษาปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อแปลงหนี้ดังกล่าวให้เป็นหนี้ระยะยาว ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาในหลายช่องทาง อย่างการออกหุ้นกู้ การนำอสังหาริมทรัพย์ของ MAKRO ที่มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน สิทธิการเช่า นำไปใช้ประโยชน์ เช่น การออกกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPALL กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงเดือนหน้าน่าจะชัดเจนหลังจากมีการประชุมร่วมกับผู้บริหาร MAKRO เบื้องต้นจะช่วยเรื่องโลจิสติกส์ และวัตถุดิบ ขณะเดียวกันจะนำแม็คโครไปขยายสาขาในต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มในประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ ประเทศไทย อย่างประเทศกัมพูชา พม่า และลาว โดยจะเป็นการตั้งร้านขายส่งขนาดใหญ่ในรูปแบบที่ MAKRO ดำเนินการอยู่แล้ว
ทั้งนี้ การขยายสาขาในต่างประเทศ บริษัทจะใช้เครื่องหมายการค้า MAKRO ขยายใน 11 ประเทศในอาเซียน อย่างกัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว จีน มาเลเซีย พม่า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ รวมถึงไต้หวัน และปากีสถาน ยกเว้นประเทศอินเดีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น