วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เสียวปิดกองวายุภักษ์

การเงินการคลัง วันพุธที่ 05 มิถุนายน 2556 
ผู้เข้าชม : 6 คน 

คลังชี้ชะตาวายุภักษ์วันที่ 7 มิ.ย.นี้ ระบุมีทางเลือก 3 ทาง ตั้งกองทุนใหม่ ดึง “กบข.-ประกันสังคม” เสียบแทนกลุ่มแบงก์  ตั้งกองใหม่ คลังถือหุ้นใหญ่ 70% และปิดกองทุนวายุภักษ์โอนทรัพย์สินคืนคลัง ขณะที่คลังมองกลุ่มแบงก์เอาเปรียบเสือนอนกิน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เผยว่า วันที่ 7 มิถุนายนนี้ คณะกรรมการแปรสภาพกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ที่มีนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน จะประชุมพิจารณาทางเลือกการแปรสภาพ ซึ่งมีข้อเสนอจากที่ปรึกษาทางการเงินเข้ามา 3-4 ทาง ได้แก่ 1.ตั้งกองทุนวายุภักษ์กองใหม่ โดยคลังถือหุ้นใหญ่ และมีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนประกันสังคมเข้าถือร่วม 2.ตั้งกองทุนใหม่ โดยคลังถือ 70% ที่เหลืออีก 30% ประชาชนทั่วไปถือ 3.ปิดกองทุนวายุภักษ์ไปเลยไม่ต้องเปิดกองใหม่ โอนหุ้นคืนคลัง ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน
สำหรับ แนวทางแรก ตั้งกองใหม่ แล้วให้กองทุนของรัฐเข้ามาถือแทนรายย่อย และสถาบันการเงินเดิม วิธีนี้คลังเห็นว่าที่ผ่านมาแบงก์พาณิชย์ถือหุ้นมากว่ารายย่อยได้ประโยชน์ จากการถือครองหน่วยลงทุนโดยไม่มีความเสี่ยง ขณะที่คลังต้องค้ำประกันทั้งเงินต้นและผลตอบแทนปีละไม่ต่ำกว่า 3% ดังนั้นคลังจึงมองว่าน่าจะให้กองทุนของรัฐถือแทนจะดีกว่า
วิธีที่สอง เป็นแนวทางคล้ายๆ ของกองทุนเดิม แต่คลังจะถือหน่วยลงทุนในสัดส่วนที่สูงขึ้นกว่าเดิม วิธีนี้คลังจะต้องพิจารณาเรื่องของการการันตีผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 3-7% ซึ่งต้องเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตรในปัจจุบัน
ส่วนวิธีสาม ไม่มีการตั้งกองทุนใหม่ขึ้นมา เมื่อครบอายุกองทุนวายุภักษ์หนึ่งในเดือนพ.ย.ก็จะปิดกองทุนไปเลย โดยจะคืนเงินต้นให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมด ตามราคา NAV ณ เวลานั้น ซึ่งคลังมองว่าปัจจุบันไม่มีความจำเป็นต้องตั้งกองทุนรวมขึ้นมา เนื่องจากมีการกู้เงินจากสถาบันการเงินมากแล้ว
ทั้งนี้หากได้ข้อสรุปภายในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ ก็คาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีได้ต่อไป ซึ่งหากเลือกวิธีที่ 1 และ 2 ก็จะต้องรีบเสนอเนื่องจากต้องของคะแนนโหวตจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ก่อนตั้งกองทุนใหม่ แต่หากเลือกวิธีปิดกองทุนก็ไม่จำเป็นต้องรีบประชุม
ขณะที่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นสถาบันการเงิน ประกอบด้วย ธนาคาร กรุงไทยจำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 2,940,452,500 หน่วย หรือ 29.40 % 2.ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถือ 1,068,856,600 หน่วย หรือ 10.69%  3.ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด  (มหาชน) ถือ 539,970,000 หน่วย หรือ 5.40 % 4.ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) 250,000,000 หน่วย หรือ 2.50%  และ 5.ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) 172,167,800 หน่วย หรือ 1.72 %
โดยแบงก์กรุงไทย รับเงินปันผลปีละประมาณ  1764 ล้านบาท 2.ธนาคารไทยพาณิชย์ รับปันผล 640ล้านบาท 3.ธนาคารนครหลวงไทย รับ 234 ล้านบาท 4.ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย รับปันผล 150 ล้านบาท และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยารับปันผล 104 ล้านบาท


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น