วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

JMT ลุยซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจาก “ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง" กว่า 3.12 พันลบ.

JMT ลุยซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจาก “ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง" กว่า 3.12 พันลบ.


วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2556 เวลา 12:05:05 น.
ผู้เข้าชม : 219 คน

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์คเซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.56 บริษัทได้ลงนามในสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์กับบริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด โดยสัญญามีมูลค่าหนี้คงค้างตามสิทธิเท่ากับ 3,126 ล้านบาท และอัตราผลตอบแทนจากการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพในครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายถือว่าอยู่ในระดับปกติเมื่อเทียบกับการซื้อหนี้ในครั้งที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีพอร์ตการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นพอร์ตหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 85% ขณะที่พอร์ตหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อยู่ที่ 15% แต่คาดว่าในปีนี้พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะเพิ่มขึ้นเป็น 25% เนื่องจาก JMT เริ่มเป็นที่รู้จักในธุรกิจลีสซิ่งมากขึ้นหลังจากบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีประสบการณ์ ความชำนาญในธุรกิจนี้มายาวนานรวมทั้งมีความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากรและเงินลงทุน จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจพร้อมทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้พอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/56 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารในครั้งนี้ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนรวมทั้งภาพรวมตลาดสินเชื่อที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากนโยบายรถคันแรก และการปล่อยสินเชื่อของภาคเอกชนทั้ง Bank และ Non Bank ที่มีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง ทำให้หนี้เติบโตขึ้นซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทให้เข้าไปประมูลซื้อหนี้เพิ่มอย่างต่อเนื่องได้

ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเพิ่มอีกจำนวน 1 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังคาดว่าผลงานทั้งปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยกำไรสุทธิเติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 109.83 ล้านบาท

ขณะที่ บริษัทยังเดินหน้าเข้าซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มอีกเนื่องจากเป็นรายได้หลักของบริษัท และมีมาร์จิ้นสูงฉะนั้นยิ่งซื้อหนี้มาบริหารมากเท่าไหร่ ยิ่งจะทำให้ JMT มั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ว่าจะอยู่ในเศรษฐกิจที่ดีหรือไม่ บริษัทสามารถบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถทยอยรับรู้รายได้จากพอร์ตการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และเมื่อตัดต้นทุนหมด JMT จะรับรู้รายได้ทั้ง 100%

ข่าวล่าสุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น