เช้าต่างชาติขาย 1,500 ลบ.-บ่ายซื้อคืน 2,900 ลบ.
‘จรัมพร’ชี้ถึงเวลาซื้อ
ชี้พี/อีร่วงเหลือ12เท่า
เช้าต่างชาติขาย 1,500 ลบ.-บ่ายซื้อคืน 2,900 ลบ.
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2556
ผู้เข้าชม : 17 คน
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯเผยพี/อีลงมาเหลือ 12.5 เท่า เหมาะต่อการลงทุน ส่งสัญญาณให้ซื้อได้แล้ว ย้ำ บจ.ไทยพื้นฐานยังดี ส่วนฟอร์ซเซลมีไม่ถึง 1% ของปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด ด้าน “กิตติรัตน์” ไม่กังวลหุ้นไทยร่วงหนัก มองต่างชาติเทขายเพราะปัจจัยภายนอก ปัจจัยพื้นฐานของประเทศยังแกร่ง จับตานักลงทุนต่างชาติสับขาหลอก พบเช้าขาย แต่ช่วงบ่ายซื้อคืน
วานนี้ (13 มิ.ย.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดลบ 30.20 จุด มาที่ 1,403.27 จุด เปลี่ยนแปลงลบ 2.1% และมีมูลค่าซื้อขายกว่า 85,402.21 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อ 1,394.49 ล้านบาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า พี/อี เรโช ของตลาดหุ้นไทย ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 12.5 เท่า ถือเป็นระดับที่น่าลงทุน มาร์เก็ตแคปลดลงมาอยู่ที่ 11.6 ล้านล้านบาท และมองพื้นฐานตลาดหุ้นของไทย และบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังดี
ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทย เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน พบว่านักลงทุนต่างชาติเริ่มมีแรงขายหนัก นับตั้งแต่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีแรงขายหุ้นไทยออกไปแล้ว 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ขายหุ้นในตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปใกล้เคียงกับตลาดหุ้นไทย 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ และขายหุ้นในตลาดฟิลิปปินส์ 77 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายจรัมพร กล่าวว่า เม็ดเงินที่ขายออกมาดังกล่าว มีการไหลออกไปยังสหรัฐ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจมีโอกาสที่จะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีกว่าประเทศอื่น
อย่างไรก็ตาม หากมองแนวโน้มในระยะยาวแล้ว จะพบว่าเมื่อสหรัฐมีการฟื้นตัว จะส่งผลดีกับทุกประเทศทั่วโลกที่จะได้ประโยชน์ แม้ว่าในช่วงสั้นจะมีเงินไหลออกจากภูมิภาคนี้ แต่เชื่อว่าพื้นฐานของเศรษฐกิจและบจ.ของไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
การที่ต่างชาติขายหุ้นในตลาดไทยออกไปกว่า 5 หมื่นล้านบาท เมื่อถึงจุดหนึ่งจะต้องมีการนำเงินกลับเพื่อปรับสมดุลการลงทุน ที่นักลงทุนจะต้องติดตามว่าแนวโน้มดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างไร
นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานกำกับตลาด ตลท. กล่าวว่า จากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทย พบว่ามีการบังคับขาย (ฟอร์ซเซล) ไม่ถึง 1% ของปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด ซึ่งถือว่าไม่มาก
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ พบว่าโบรกเกอร์มีการบังคับขายลูกค้าเพียง 1-2 รายต่อโบรกเกอร์เท่านั้น
โดยเงินทุนต่างชาติที่ไหลออกจากตลาดหุ้นในขณะนี้ เนื่องจากนักลงทุนประเมินแนวโน้มว่า อาจมีการชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของสหรัฐ ทำให้มีแรงขายหุ้น และส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม กรณีตลาดหุ้นไทย เมื่อค่าพี/อี ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ราว 12.5 เท่า ถือว่าเป็นจังหวะที่น่าสนใจเข้าลงทุน เนื่องจากพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย รวมถึงบจ.สามารถที่จะรองรับกับภาวะดังกล่าวได้
“ตลาดหุ้นไทยมีการพึ่งพิงเม็ดเงินต่างชาติกว่า 20% หรือราว 1 ใน 4 ของผู้ลงทุนทั้งตลาด ดังนั้น นักลงทุนในประเทศที่เข้าใจพื้นฐานของตลาดที่ดีจึงสามารถที่จะเข้ามาลงทุนได้ แต่จะต้องพิจารณาจังหวะที่เหมาะสม”
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า พื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศยังคงดีอยู่ แต่ที่ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก เป็นเพราะปัจจัยภายนอกประเทศ ที่มีเงินไหลออกไปบ้าง ซึ่งมองว่าไม่น่ากังวล เพราะการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยในครั้งนี้เป็นผลกระทบจากภายนอกมากกว่า ไม่ได้เป็นผลจากปัจจัยภายใน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของประเทศยังแข็งแกร่ง ภาพรวมของเศรษฐกิจยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
“การปรับลงของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ เกิดจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ขณะที่ปัจจัยภายในและพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทย ยัง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยมั่นใจว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของไทย ยังดีกว่าประเทศอื่นในกลุ่ม TIP ซึ่งประกอบด้วย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้วานนี้นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิกว่า 1,394.49 ล้านบาท แต่พบว่าในช่วงเช้ามีการขายกว่า 1,500 ล้านบาท ก่อนที่จะกลับเช้ามาซื้ออีกประมาณ 2,900 ล้านบาท
ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ต่างมองว่า แรงขายของนักลงทุนต่างชาติจะยังคงมีอยู่ แต่เหลืออีกไม่มากนัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น