โผ10หุ้นชอร์ตเซลหนัก
ต้องซื้อคืนหลังราคาเด้ง
ไล่ตามเก็บหุ้น TRUE-IRPC-TMB-JAS เป้าหมายหลัก

ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2556 
ผู้เข้าชม : 19 คน 

10 หุ้นถูกชอร์ตเซลหนักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา งานนี้ TRUE โดนหนักสุด 132.54 ล้านหุ้น รองลงมา IRPC จัดไป 37.36 ล้านหุ้น ส่วน TMB ไม่น้อยหน้า 37.17 ล้านหุ้น ด้าน JAS โดนอีก 33.42 ล้านหุ้น จับตาขาชอร์ตเซล ต้องซื้อหุ้นคืน หลังสถานการณ์ตลาดหุ้นคลี่คลาย ต้องรีบปิดสถานะชอร์ตก่อนที่ราคาหุ้นจะกลับตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลธุรกรรมขายชอร์ต (Short Sales) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตั้งแต่ช่วงวันที่ 23 พฤษภาคม-7 มิถุนายน 2556 พบว่า มี 10 อันดับ คืออันดับ 1 หุ้นบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE มีปริมาณการขายชอร์ต จำนวน 132,548,00 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวม  1,374,781,730 บาท, อันดับ 2 หุ้นบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC มีปริมาณการขายชอร์ต จำนวน 37,364,000 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 138,230,394 บาท

อันดับ 3  หุ้นธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB มีปริมาณการขายชอร์ต จำนวน 37,172,600 หุ้น  หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 90,662,360  บาท, อันดับ 4 หุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS มีปริมาณการขายชอร์ต จำนวน 33,425,500 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 302,326,520 บาท

อันดับ 5 หุ้นบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH มีปริมาณการขายชอร์ต จำนวน 26,809,200 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 107,267,826  บาท, อันดับ 6 หุ้นธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มีปริมาณการขายชอร์ต จำนวน 14,239,900 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 310,138,900 บาท

อันดับ 7 หุ้นบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH มีปริมาณการขายชอร์ต จำนวน 9,115,000 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 105,695,460 บาท, อันดับ 8 หุ้นบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มีปริมาณการขายชอร์ต จำนวน 8,484,200 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 69,552,115  บาท

อันดับ 9 หุ้นบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL มีปริมาณการขายชอร์ต จำนวน 7,304,800 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 309,960,275 บาท  และอันดับ 10 หุ้นบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO มีปริมาณการขายชอร์ต จำนวน 6,572,700 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 103,225,100  บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การที่หุ้นมีสถานะชอร์ตเซลมาก ในช่วงที่ภาวะดัชนีปรับตัวลดลง จะมีผลต่อการกดราคาหุ้นให้ลดลง ซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนจะนิยมชอร์ตเซลหุ้นรายตัว แต่ภายหลังจากที่ภาวะปรับตัวดีขึ้น จะมีผลต่อการซื้อหุ้นคืน เนื่องจากเกรงว่าหากไม่ซื้อหุ้นคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ตเซล อาจจะให้กำไรที่ได้จากการเล่นชอร์ตเซลหายไป หรือถึงขนาดขาดทุน หากราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาเกินราคาที่ได้ชอร์ตเซลออกไป

“หุ้นที่ถูกชอร์ตเซลหนัก มีโอกาสที่จะดีดกลับมาได้ ภายหลังจากที่สถานการณ์ตลาดคลี่คลายลง ซึ่งจะมีผลต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวลดลงแรง ซึ่งอาจจะเป็นการเทขายจากการแพนิก และแรงชอร์ตเซล ซึ่งเชื่อว่าหุ้นที่ถูกชอร์ตหนักๆ ราคาจะต้องดีดกลับอย่างรุนแรงเช่นกัน” นักวิเคราะห์ กล่าว