วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

กรุงไทยกำไร9.2พันล. คาดตั้งสำรองฯลดลง *โบรกฯพาเหรดปรับราคา สูงสุด 30 บาท

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: กรุงไทยกำไร9.2พันล.
คาดตั้งสำรองฯลดลง
*โบรกฯพาเหรดปรับราคา สูงสุด 30 บาท
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 02 กรกฎาคม 2557
ผู้เข้าชม : 9 คน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลายแห่งต่างคาดกำไรสุทธิของ “กรุงไทย” หรือ KTB ไตรมาส 2/57 จะอยู่ระหว่าง 8.5-9.2 พันล้านบาท โตกว่า 42% เป็นผลจากการตั้งสำรองลดลง และมีรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่ม ส่วนสินเชื่อพุ่งปรี๊ด ปล่อยสูงสุดในระบบ โบรกฯ บางแห่งขยับราคาเป้าหมายให้สูงถึง 30 บาท/หุ้น



บล.บัวหลวง ระบุว่าธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTB จะรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2/57 กว่า 9 พันล้านบาท เติบโต 38% จากไตรมาส 2/56 และเติบโต 7% จากไตรมาสก่อนหน้า (Q1/57) ทั้งนี้เป็นผลจากการตั้งรองลดลง 25% เหลือ 3.1 พันล้านบาท มีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 5% ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวที่ระดับ 2.76%

ขณะที่การคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2557 อยู่ที่ 3.28 หมื่นล้านบาท และมองว่ามีโอกาสดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังมีอัตราการเร่งตัวขึ้นจากที่คาดว่าจะอยู่ที่ 7%

ขณะที่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เผยว่า สินเชื่อของ KTB ในเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้น 1.9% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 10.7% จากช่วงเดียวกันจากปีก่อนหน้า (ม.ค.-พ.ค.) และเพิ่มขึ้น 4.7% จากสิ้นปี 2556

สำหรับสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อรายย่อยเป็นตัวผลักดันการเติบโตในเดือนพฤษภาคม โดยในส่วนของสินเชื่อธุรกิจนั้นเป็นการเติบโตทั้งจากสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และสินเชื่อแบบมีกำหนดเวลา ในขณะที่ในส่วนของสินเชื่อรายย่อยก็เป็นการเติบโตจากทั้งสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อส่วนบุคคล

ส่วนสินเชื่อภาครัฐก็เพิ่มขึ้นเช่นกันในเดือนพฤษภาคม แม้ว่ามูลค่าจะไม่มากนัก แต่เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วถือว่าสูง ในขณะที่สินเชื่อ SME แทบไม่เปลี่ยนแปลง โดย KTB ยังคงเป้าสินเชื่อปีนี้เอาไว้ที่ 5-7% ในขณะที่ในการทำประมาณการปีนี้ใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อปีนี้ที่ 5% ซึ่งสินเชื่อปีที่แล้วที่โตถึง 12%

อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำให้ซื้อ KTB โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 23.00 บาท อิงจาก 1.4 เท่าของ P/BV ปี 57 ซึ่งเชื่อว่า KTB จะเป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปีนี้

นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุเช่นกันว่า KTB รายงานแบบแสดงสินทรัพย์ และหนี้สินเดือนพ.ค. มีสินเชื่อเติบโตอย่างโดดเด่นถึง 1.9% จากเดือนก่อนหน้าสวนทางกับกลุ่มธนาคารที่ส่วนใหญ่มีสินเชื่อหดตัวลง ส่งผลให้สินเชื่อเติบโตขึ้นจากสิ้นปี 2556 แล้ว 4.7% จากสิ้นปี 2556 และทำให้ KTB กลายมาเป็นธนาคารที่มีสินเชื่อเติบโตสูงที่สุดในปี 2557

ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 2/57 จะอยู่ที่ 8.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 33.7% จากสินเชื่อที่เติบโตขึ้นมาก และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/57 คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นด้วย 3.6% จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่ลดต่ำลง โดยปรับสมมติฐานการปล่อยสินเชื่อในปี 2557 ขึ้นเป็น 8% จากเดิม 5% ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น 4% เป็น 3.6 หมื่นล้านบาท และปรับประมาณการเงินปันผลขึ้นเป็น 0.95 บาท/หุ้น

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ยังมีมุมมองต่อความสมดุลในการกระจายฐานลูกค้าทำให้สินเชื่อเติบโตแข็งแกร่ง สินเชื่อมีแนวโน้มเร่งตัวสูงขึ้นในครึ่งปีหลัง และ ต่อเนื่องในปี 2558 ประกอบกับ ความสามารถในการดูแลคุณภาพสินเชื่อได้ดีทำให้ NPL ratio อยู่ระดับต่ำ และสัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้นส่งผลให้กำไรมีเสถียรภาพระยะยาว จึงปรับมูลค่าพื้นฐานเพิ่ม 16.3% จาก 203 บาท เป็น 236 บาท โดยจากการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2557-2558 เพิ่มขึ้น อิงจาก Prospective P/BV ที่ 2.2 เท่า ROE 18%, Ke 10.9%

“กำไรสุทธิในไตรมาส 2 จะอยู่ที่ 1.13 หมื่นล้านบาท เติบโต 3%YoY จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ และ NIM ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3.6% รายได้เบี้ยประกันภัยรับสุทธิเติบโต และ ค่าใช้จ่ายลดลง ในขณะที่คาดกำไรปรับลดลง 6%QoQ สาระสำคัญจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง โดยเฉพาะลดลงจากรายได้จากธุรกิจปริวรรตเงินตรา และค่าเบี้ยประกันภัยรับสุทธิลดลง และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้นทำให้ cost to income ปรับเพิ่มเป็น 42.8% จาก 40% ในไตรมาส 1”

นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า รายได้ดอกเบี้ยที่แข็งแกร่งหนุนผลประกอบการการตั้งสำรองเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อกำไรของ KTB โดยกำไรสุทธิไตรมาส 2/57 ลดลง 2% จากไตรมาส 1 เป็น 8.1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะตั้งสำรองเพิ่มเป็น 64bps ในไตรมาส 2/57 จาก 40bps ในไตรมาส 1/57 แต่กำไรยังเติบโตสูง 27% จากช่วงเดียวกันของปี 2556 เพราะตั้งสำรองสูงมากในไตรมาส 2/56 โดยแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ยังแนะนำซื้อ โดยปัจจัยกระตุ้นสำคัญ คือ การลงทุนภาครัฐที่ฟื้นตัว และ มีแนวโน้มสดใสในระยะยาว ให้ราคาพื้นฐาน 30 บาท อิงกับ Gordon Growth Model ROE 17%, Growth 10% และ Cost of equity 14% ซึ่งเทียบเท่ากับ P/BV ปี 2558 ที่ 1.7 เท่า

นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ได้ปรับคำแนะนำจาก “เก็งกำไร” เป็น “ซื้อ” เนื่องจากมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนี้ และ ต่อเนื่องในปี 2558 จะกระตุ้นสินเชื่อขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นรวมทั้งส่งผลให้ความเสี่ยงต่อหนี้เสียลดลง

ซึ่งมองว่า KTB จะรับประโยชน์เป็นลำดับต้นจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดจึงได้ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้น 16% เป็น 24.75 บาทจากการปรับประมาณการกำไรปี 2557-2558 เพิ่มขึ้น

“กำไรสุทธิในไตรมาส 2/57 แข็งแกร่งที่ 9.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 43%YoY และ 11% QoQ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสินเชื่อ โดยคาด NIM ปรับขึ้นเป็น 2.85% รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต และ คาดสำรองหนี้ที่ 3 พันล้านบาทมากกว่าระดับปกติที่ 2.1 พันล้านบาทจากแนวโน้มหนี้เสียที่สูงขึ้น ซึ่งจะต่ำกว่า 4 พันล้านบาทในไตรมาส 2/56”

อย่างไรก็ตาม ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2557 เพิ่มขึ้น 3.1% เป็น 3.44 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% และปรับประมาณการกำไรปี 2558 เพิ่มขึ้น 7.7% เป็น 3.95 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% โดยสาระสำคัญจากการปรับเป้าหมายสินเชื่อปี 2557-2558 เพิ่มเป็น 10% นอกจากนี้ ปรับลดสมมติฐานสำรองหนี้ลง 6% ในปี 2557 และ ปรับลดลง 11% ในปี 2558 จากมุมมองต่อเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดีขึ้น และ แรงกดดันลดลงหลังจากที่มี coverage ratio สูงเกินกว่า 100%

posted from Bloggeroid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น