วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

"SCC" คาดไตรมาส 2 มีกำไร 9,500 ล้านบาท พร้อมลุ้นจ่ายปันผลระหว่างกาล 5 บาทต่อหุ้น

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: SCCลุ้นปันผลครึ่งปี5บาท
กำไรปีนี้เฉียด 4 หมื่นล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม 2557
ผู้เข้าชม : 6 คน
"SCC" คาดไตรมาส 2 มีกำไร 9,500 ล้านบาท พร้อมลุ้นจ่ายปันผลระหว่างกาล 5 บาทต่อหุ้น โบรกฯคาดทั้งปี 57 มีกำไรทะลุ 3.9 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 7% จากปีก่อน แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 500 บาท



นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/57 ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC คาดการณ์ว่าจะมีรายได้ในไตรมาส 2/57 อยู่ที่ประมาณ 118,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2/56 ที่ทำได้ 106,000ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/57 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 9,500 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,923.73 ล้านบาท ซึ่งกำไรส่วนหนึ่งมาจากเงินปันผลพิเศษจากบริษัท โตโยต้า หลังจากที่มียอดขายรถยนต์ภายในประเทศเมื่อปีที่ผ่านมาเติบโตได้ดี และธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มียอดขายเติบโตขึ้นตามความต้องการใช้เม็ดพลาสติก โดยทิศทางจะเติบโตตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว

ขณะที่แนวโน้มธุรกิจไตรมาสที่ 3/57 ทิศทางถือว่าใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของฤดูกาล รวมถึงในปีที่แล้ว SCC ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองจึงส่งผลให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ซึ่งในไตรมาสที่ 2/57 มองว่ารายได้จากปิโตรเคมียังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าธุรกิจซีเมนต์จะปรับตัวลดลงไปบ้าง

ส่วนผลประกอบการทั้งปีของปีนี้ ประเมินว่า SCC จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 38,000 ล้านบาท หรือจะเติบโต 4.9% ซึ่งรายได้หลักมาจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ รองลงมาเป็นรายได้จากการขายปูนซีเมนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในอีก 2 ปีข้างหน้า SCC จะเดินหน้าขยายกำลังการผลิตในต่างประเทศจำนวนมาก ได้แก่ โรงงานปูนซีเมนต์ที่ประเทศกัมพูชา 0.9 ล้านตันภายในไตรมาสที่ 2/58 ในประเทศอินโดนีเซีย 1.8 ล้านตันภายในไตรมาสที่ 3/58 ที่สหภาพเมียนมาร์ 1.8 ล้านตันในไตรมาสที่ 2/59 และที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 1.8 ล้านตันในไตรมาสที่ 2/60

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า SCC จะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 5.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจ่ายปันผลระหว่างกาลไป 5.50 บาทต่อหุ้น เนื่องจากในครึ่งแรกของปี 2557 กำไรจะน้อยกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงแนะนำ "ซื้อ" ประเมินราคาที่เหมาะสมไว้ที่ 500 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ ผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2556 SCC มีกำไรสุทธิ 18,719.73 ล้านบาท และมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลปี 2556 อยู่ที่หุ้นละ 5.50 บาท โดยทั้งปี 2556 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 36,522.25 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1/57 ที่ผ่านมา SCC กำไรสุทธิ 8,380.58 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ SCC ในปีนี้ คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ จำนวน 39,342 ล้านบาท หรือเติบโต 7% จากปีก่อนที่ทำได้ 36,522.25 ล้านบาท โดยธุรกิจเคมีภัณฑ์จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้รายได้และกำไรเติบโต ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเคมีภัณฑ์อยู่ที่ประมาณ 29% ซึ่งในช่วงระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจดังกล่าวถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเม็ดพลาสติกโพลีเมอร์ที่เติบโตตามทิศทางของเศรษฐกิจโลกจึงทำให้มีความต้องการใช้สินค้าดังกล่าวเป็นอย่างมาก รวมถึงค่าสเปรดเริ่มอยู่ในทิศทางที่ปรับตัวได้ดีขึ้นกว่าเดิม

ทั้งนี้ SCC ได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ซึ่ง SCC จะมีสัดส่วนการถือหุ้นร่วมกันประมาณ 46% คาดว่าโรงงานดังกล่าวจะได้ข้อสรุปของการก่อสร้างภายในปีนี้ และจะสามารถดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรเพื่อผลิตได้ในปีหน้า ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 3-4 ปี

สำหรับธุรกิจซีเมนต์ที่คาดว่าในปีนี้จะมียอดการใช้ภายในประเทศอยู่ที่ 37-38 ล้านตัน หรือเติบโตประมาณ 5% จากปีก่อน โดย SCC มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 40% จึงทำให้ยอดขายปูนซีเมนต์ของ SCC ในปีนี้จะอยู่ที่ 14-15 ล้านตัน โดยจะมีสัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ 64% และต่างประเทศ 36% ซึ่งยอดขายในต่างประเทศนั้นจะอยู่ที่การส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซียและสหภาพเมียนมาร์เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม SCC อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชา รวมถึงได้ขยายกำลังการผลิตที่สหภาพเมียนมาร์ โดยจะใช้เงินลงทุนก่อสร้างโรงงานและขยายกำลังการผลิตใน 3 ประเทศจากเงินลงทุนทั้งหมดในปีนี้ประมาณ 50,000 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจกระดาษโดยรวมแล้วทิศทางในปีนี้ถือว่ายังคงทรงตัว เนื่องจากกระดาษที่เป็นแบบประเภทพิมพ์เขียว โดยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความต้องการในตลาด เพราะกลุ่มผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ที่เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันสำหรับกระดาษที่ใช้ประเภทบรรจุภัณฑ์นั้นถือว่ายังคงมีความต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออกไปยังต่างประเทศ

นอกจากนี้ คาดแนวโน้มธุรกิจของ SCC ในไตรมาสที่ 3 ถือว่าเป็นช่วงที่ต่ำสุดเนื่องจากเดือนกรกฎาคม-เดือนกันยายนเป็นช่วงฤดูฝน ทำให้ผู้ประกอบการที่ใช้ปูนซีเมนต์ชะลอการก่อสร้าง อย่างไรก็ตามสำหรับแนวโน้มธุรกิจเคมีภัณฑ์ถือว่ายังเติบโตได้ต่อเนื่อง หลังจากที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้นประกอบกับโรงงานที่ผลิตเคมีภัณฑ์ยังไม่ค่อยมีมากนัก จึงทำให้เมื่อมีความต้องการและวัตถุดิบที่ใกล้เคียงกันราคาของวัตถุดิบก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

ขณะที่กำไรไตรมาสที่ 2/57 ยังไม่สามารถประเมินได้ โดยทาง SCC จะรายงานงบการเงินในวันที่ 30กรกฎาคม 2557 ซึ่งรายได้ไตรมาสที่ 2/56 อยู่ที่ 106,541ล้านบาท และมีกำไรที่ 9,923 ล้านบาท ประเมินราคาที่เหมาะสมไว้ที่ 500 บาท

posted from Bloggeroid

2 ความคิดเห็น:

  1. ในไตรมาสที่ 2/57 มองว่ารายได้จากปิโตรเคมียังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าธุรกิจซีเมนต์จะปรับตัวลดลงไปบ้าง

    ตอบลบ
  2. สัดส่วนรายได้จากธุรกิจเคมีภัณฑ์อยู่ที่ประมาณ 29% ซึ่งในช่วงระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจดังกล่าวถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างมาก

    ตอบลบ