WHAจับมือกันกุล-SPCG
ผลิตโซลาร์รูฟ100MW
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 03 กันยายน 2556 ผู้เข้าชม : 7 คน
WHA เล็งตั้งอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ หลังร่วมทุน GUNKUL-SPCG ตั้งบริษัทย่อย 16 แห่ง ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Roof) ได้ประมาณ 90-100 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ทั้งหมด 1 ล้านตารางเมตร
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) จากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ทั้งนี้ หากแผนการลงทุนดังกล่าวสำเร็จก็มีโอกาสที่จะตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะส่งผลดี โดยลูกค้าจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด เนื่องจาก Solar Roof จะทำให้เกิดพื้นที่ฉนวนกันความร้อนภายใต้หลังคาของคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งจะทำลูกค้าสามารถยืดระยะเวลาในการรักษาคุณภาพของสินค้า รวมถึงยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายใต้กรีนเอนเนอร์ยี่ (Green Energy) อีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยจำนวน 16 บริษัท เพื่อดำเนินโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์จำหน่าย โดยการจัดตั้งบริษัทย่อยในครั้งนี้เป็นการร่วมลงทุนกับบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL จำนวน 6 บริษัท โดยมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท จำนวนหุ้น 100,000 หุ้น โดย WHA ถือหุ้น 75% และ GUNKUL ถือหุ้น 25%
ประกอบด้วย บริษัท ดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 1 จำกัด, บริษัท ดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 2 จำกัด, บริษัท ดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 3 จำกัด, บริษัท ดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 4 จำกัด, บริษัท ดับ
บลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 5 จำกัด, บริษัท ดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 6 จำกัด
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมลงทุนในการจัดตั้งบริษัทย่อยร่วมกับ บริษัท เอสพีซีจี แคปปิตอล จำกัด ในกลุ่มบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG จำนวน 10 บริษัท โดยมีทุนจดทะเบียน 100,000 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท จำนวนหุ้น 10,000 หุ้น โดย WHA ถือหุ้น 74.99% และ SPCG ถือหุ้น 25.01%
สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ Solar Roof ถือเป็นการเสริมธุรกิจเดิมของบริษัท เนื่องจากปัจจุบันมีพื้นที่หลังคาคลังสินค้าและโรงงานอยู่กว่า 8 แสนตารางเมตร และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านตารางเมตรภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ประมาณ 90-100 เมกะวัตต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น