วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

TTA ได้เวลาเทิร์นอะราวด์ รายงานพิเศษ วันพุธที่ 18 กันยายน 2556

TTA ได้เวลาเทิร์นอะราวด์

รายงานพิเศษ วันพุธที่ 18 กันยายน 2556 
ผู้เข้าชม : 125 คน 


นักวิเคราะห์ พากันนำเสนอคำชี้แนะให้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มเรือ 3 รายที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยกันอึงคะนึงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นของ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ  TTA ถือว่ามีความโดดเด่นมากที่สุด ด้วยเหตุผลประกอบ 3 ด้านที่มาบรรจบกันอย่างได้จังหวะพอดิบพอดี

เหตุผลขับเคลื่อนราคาหุ้น TTA
บริษัท
สาเหตุข่าวดี 
TTA 
ดัชนี BDI และค่าระวางเรือเทกองโลกกลับมาเป็นขาขึ้นรอบใหม่จากากรฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชีย
เมอร์เมด มาริไทม์ 
เข้าจดทะเบียนระดมทุน ขายหุ้น IPO ในตลาดหุ้นสิงคโปร์
UMS
ราคาถ่านหินเพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลกตามราคาน้ำมันและพลังงาน

เหตุผลที่ดีพร้อมทั้งบริษัทแม่และลูกพร้อมกัน ไม่ได้ปรากฏขึ้นมานานประมาณ 3 ปีแล้ว ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากทางธุรกิจที่เกิดขึ้นพร้อมกันเสียด้วย เนื่องจากธุรกิจเดินเรือของบริษัทแม่คือ TTA และกิจการของบริษัทลูก คือ เมอร์เมด และUMS ตกอยู่ใต้ชะตากรรมที่ติดลบพร้อมกัน 
แม้ว่า ผู้บริหารTTA จะรู้ล่วงหน้า และมีการเตรียมความพร้อมรับมือช่วงตลาดขาลงพร้อมกันอย่างดี โดยหันมาใช้กลยุทธ์ธุรกิจที่ลงทุนแบบลักษณะโฮลดิ้งเชิงยุทธศาสตร์ (STRATEGIC HOLDING) หวังให้บริษัทสามารถรักษาสมดุลการเติบโตในอนาคต โดยมี 4 ธุรกิจหลักสร้างรายได้ อยู่ภายใต้ 3 สายงานกิจการ ประกอบด้วย
- ขนส่งเดินเรือ อยู่ภายใต้กิจการขนส่งของบริษัทแม่คือ TTA
- ธุรกิจหลักที่สอง และสาม คือ UMS กับบาคองโค อยู่ภายใต้กิจการโครงสร้างพื้นฐาน
- ธุรกิจที่สี่  คือ เมอร์เมด มาริไทม์ อยู่ภายใต้กิจการพลังงาน ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 57.14
แม้จะมีการวางแผนไว้ดี แต่หลายปัจจัยก็ทำให้ยากจะควบคุมชะตากรรมได้แน่วแน่ การถดถอยลงของผลประกอบการ นับแต่ตลาดเรือเทกองของโลกและเอเชียพลิกสถานการณ์จากขาขึ้นเป็นขาลงนับแต่ปี 2553 และการลงทุนที่ผิดลพาดของ TTA ในธุรกิจที่ไม่ถนัดช่วงหลายปีมานี้  ทำให้กำไรลดน้อยลง จากที่เคยได้รับ 8,776 ล้านบาท ในปี 2551 มาเป็นกำไร 1,813 ล้านบาท ในปี 2552 ตามด้วย 795 ล้านบาทในปี 2553  แล้วกำไร 139         ล้านบาทในปี 2554  ก่อนจะมาปรากฏตัวเลข ขาดทุนสุทธิปี2555 ถึง 4,618.83 ล้านบาท
ส่วนในปี 2556 นี้ก็ยังขาดทุนในครึ่งแรกของปีที่ 668.45 ล้านบาท
ระหว่างช่วงเวลาของการถดถอยดังกล่าว ผู้บริหารของบริษัทตกอยู่ในสภาพแรงกดดันหลายด้าน นับแต่ในปี 2554 มีข่าวเกี่ยวกับกลุ่มนักลงทุนกลุ่มหนึ่งนำโดยนาย บี เตชะอุบล และวีระ มานะคงตรีชีพ สองวิศวกรการเงินต่างวัยที่เสนอเงื่อนไขโดยอ้างว่าอ้างว่าได้รวมตัวกันรวบรวมหุ้นที่มีใบมอบฉันทะ เพื่อขอเข้าเทคโอเวอร์กิจการโดยไม่ใช้เงิน และเปลี่ยนตัวผู้บริหารโดยอาศัยจุดอ่อนที่ผู้บริหารในปัจจุบัน ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่กระจัดกระจายกันอย่างมาก
การเทคโอเวอร์กิจการแบบจับเสือมือเปล่า ด้วยข้อเสนอเพิ่มทุนเพื่อรองรับวอร์แรนต์ใหม่ที่จะแจกฟรีให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ใหม่ โดยแจกวอร์แรนต์ฟรี ลงเอยด้วยความล้มเหลว แต่ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ทำให้นายวิจิตร สุพินิจ ประธาน ก.ล.ต.ขณะนั้นต้องลาออกจากเรื่องอื้อฉาวในกรณีดังกล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น ในปีนี้ กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ตระกูลมหากิจสิริ นำโดยนายประยุทธ มหากิจศิริ ได้ทำการกวาดซื้อหุ้นของบริษัทเข้ามาจนสามารถถือครองหุ้นได้ประมาณ 18% จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และเข้ามานั่งในตำแหน่งกรรมการของบริษัทได้ 4 คน นำโดยนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหรือโครงสร้างการบริหาร แต่ก็ส่งผลให้ผู้บริหารอย่างม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งถือหุ้นอยู่เพียงเล็กน้อยใน TTA ต้องหาทางสร้างความคึกคักให้กับการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม
การปรับเปลี่ยนที่สำคัญของ TTA เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2555 เมื่อ TTA ทำการเพิ่มทุนประมาณ 9,910 ล้านบาท โดยระดมจากผู้ถืหุ้นเดิม ของบริษัทจำนวน 708,004,413 หุ้น ในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 14 บาท เพื่อรองรับโอกาสในการขยายกองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง แทนกลยุทธ์การเช่าเรือเข้ามาเสริม ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมด้วยโมเดลแห่งความหวังรอบใหม่
การเพิ่มทุนเพื่อซื้อเรือใหม่ดังกล่าว ได้รับการพิสูจน์ว่า วิสัยทัศน์ของผู้บริหารนั้น ถูกต้อง เพราะการระดมทุนเพื่อใช้เงินไปซื้อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองรุ่น SupraMax ทั้งแบบสั่งต่อใหม่และมือสอง (ที่อายุไม่เกินกว่า 8 ปี) จำนวน 15 ลำอย่างงจำแนกและชาญฉลาดด้วยประสบการณ์ยาวนาน แทนการกู้จากสถาบันการเงิน หรือมใช้เงินสดของบริษัทที่มีอยู่เหลือเฟือหลายพันล้านบาท เป็นเพราะในสภาวะอุตสาหกรรมเดินเรือชะลอตัว แม้ว่าไม่ได้ส่งผลในทันที เพราะต้องการช่วงเวลาของธุรกิจที่มีวงจรค่อนข้าวยาวนานพอสมควร แต่เมื่อดัชนี BDI ปรับตัวขึ้นก็พิสูจน์ความถูกต้องทั้งหมด
การปรับตัวของดัชนีเรือเทกองในตลาดโลก (BDI) แม้จะเป็นการฟื้นตัวตามฤดูกาลของช่วงไตรมาสสามของทุกปี (ดูกราฟประกอบ) ชี้ชัดว่า ช่วงเวลาตกต่ำของ TTAในธุรกิจเดินเรืองเทกองนั้น ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แม้จะยังไม่ถึงขั้นเป็นขาขึ้นเต็มที่ เพราะจำกัดเฉพาะภาคธุรกิจเรือขนส่งขนาดใหญ่ (Capesize) ซึ่งจีนและอินเดีย ช่วงนี้มีความต้องการนำเข้าถ่านหินใหม่ ต้องการใช้งานเรือมาก ในขณะที่เรือขนาดกลาง (Supramax) ค่าระวางเรือปรับขึ้นมาน้อยมาก แต่ก็เป็นสัญญาณว่าตลาดได้พ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว
เช่นเดียวกันในกรณีของบริษัทลูก ที่เข้าซื้อกิจการมาเมื่อหลายปีก่อน บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำธุรกิจรับสัญญาจ้างงานให้บริการนอกชายฝั่ง ในการตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาแท่นขุดเจาะน้ำมันทางทะเลนอกฝั่ง ซึ่งมีสัญญารับงานต่อเนื่อง ทั้งบริษัทเอง และ บริษัทเอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง หรือ AOD ซึ่งเมอร์เมดมีหุ้นอยู่ 33.75% ก็สามารถหาสัญญาจ้างงานให้กับเรือขุดเจาะที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวสูง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เมอร์เมด มาริไทม์ ได้รับอนุมัติให้ทำการเพิ่มทุนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพื่อขายหุ้นเพิ่มทุนเพื่อขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Issue) และคาดว่า หุ้นเพิ่มทุนของเมอร์เมดจะเข้าทำการซื้อขายในกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศสิงคโปร์ประมาณวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556 ซึ่งจะทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในจกิจการ สร้างความแข็งแกร่งมากขึ้น
ในธุรกิจถ่านหิน การที่ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS มีผลประกอบการถอยหลังอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีมานี้ จากการขาดทุนติดต่อกันสองปี เกิดจากราคาถ่านหินในตลาดโลกซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก ดังนั้น นับแต่ช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกได้เริ่มปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดสู่ช่วงของการฟื้นตัวในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปตามความต้องการใช้ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้า และภาคอุตสาหกรรม เพราะว่าสต๊อกถ่านหินของประเทศจีนและอินเดียลดลงในขณะนี้ จะกลายเป็นปัจจัยช่วยหนุนให้เริ่มกลับมามีคำสั่งซื้อใหม่เพื่อรีสต๊อกถ่านหินในฤดูหนาวยังส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มระดับสูง ผสมโรงเข้ากับรวมถึงราคาน้ำมันตลาดโลกที่สูงขึ้นส่งผลให้โอกาสที่ UMS จะขาดทุนน้อยลง หรือเริ่มกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งในอนาคต
การฟื้นคืนกิจการระลอกใหม่ของ TTA ทำให้กิจการบริษัทเข้าข่ายเป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์อย่างจริงจัง แม้ว่าราคาหุ้นของบริษัท อาจจะบอกอะไรได้ไม่ทั้งหมดก็ตาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น