ไมโครซอฟต์ซื้อธุรกิจมือถือโนเกีย
ต่างประเทศ วันพุธที่ 04 กันยายน 2556 ผู้เข้าชม : 7 คน
วอลล์สตรีท เจอร์นัล - ไมโครซอฟต์ทำข้อตกลง 7,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าถือสิทธิ์ธุรกิจโทรศัพท์มือถือของโนเกียซึ่งกำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ ในวันเดียวกัน โวดาโฟนยืนยันว่า ได้ตกลงขายหุ้นเวไรซอน ไวร์เลส 45% ให้กับเวไรซอน คอมมิวนิเคชั่นส์ เป็นเงิน 130,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงใหญ่สุดในประวัติศาสตร์บริษัทข้อตกลงหนึ่ง
การเคลื่อนไหวอย่างกล้าหาญของไมโครซอฟต์มีเป้าหมายเพื่อพยายามที่จะจับตลาดโทรศัพท์มือถือซึ่งในขณะนี้กำลังโตอย่างรวดเร็วและมีซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และแอปเปิ้ลครองตลาดอยู่ และข้อตกลงนี้มีขึ้นหลังจากที่ไมโครซอฟต์ประกาศว่า สตีฟ บัลเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจะเกษียณอายุทันทีที่ได้คนมาแทน
ตามส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อซื้อธุรกิจบริการและอุปกรณ์ของโนเกีย ไมโครซอฟต์จะนำพนักงานของโนเกียจำนวน 32,000 คนไปด้วย และเชื่อกันว่า ซีอีโอ สตีเฟน อีโลป ของโนเกียจะเป็นหนึ่งในผู้ที่จะเข้าชิงตำแหน่งแทนบัลเมอร์
ทั้งสองบริษัทแถลงเมื่อคืนวันจันทร์ว่า ไมโครซอฟต์จะจ่ายเงิน 3,790 ล้านยูโร เพื่อซื้อธุรกิจสำคัญทั้งหมดของโนเกีย ซึ่งรวมถึงธุรกิจสมาร์ทโฟนของโนเกียด้วย นอกจากนี้ ไมโครซอฟต์จะจ่ายเงิน 1,650 ล้านยูโร เพื่อให้ได้ครอบครองสิทธิบัตรของโนเกียด้วย ซึ่งจะทำให้ข้อตกลงมีมูลค่าเป็น 5,440 ล้านยูโร หรือ 7,180 ล้านดอลลาร์
โนเกียเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจสมาร์ทโฟนที่ใกล้ชิดที่สุดอยู่แล้วของไมโครซอฟต์ โดยโนเกียเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่สุดต่อซอฟต์แวร์โทรศัพท์ของไมโครซอฟต์ การทำข้อตกลงกับโนเกียเป็นการยอมรับอย่างชัดเจนว่าไมโครซอฟต์ต้องการมือที่แข็งแกร่งขึ้นที่จะเข้าไปทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในขณะนี้ไมโครซอฟต์กำลังไล่ตามแอปเปิ้ลและกูเกิลอยู่ สถานะของไมโครซอฟต์ในตลาดมือถือจัดว่าเป็นการคุกคามที่รุนแรงที่สุดตัวหนึ่งที่ผู้จะมารับตำแหน่งแทนบัลเมอร์จำเป็นจะจัดการให้ได้
สำหรับโนเกีย ซึ่งเคยเป็นผู้นำในธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ข้อตกลงนี้คือการยอมรับต่อความจริงที่ว่าสถานะของบริษัทกำลังถดถอยลง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ฝ่ายบริหารยอมรับว่าไม่สามารถที่จะตามคู่แข่งอย่างแอปเปิ้ลและซัมซุงด้วยตนเองได้แล้ว
อีโลปได้พยายามลดต้นทุนให้กับโนเกียในช่วงสามปีนับตั้งแต่โนเกียยอมนำตัวเองเข้าไปผูกกับระบบสมาร์ทโฟน วินโดว์โฟน ของไมโครซอฟต์ แต่ในขณะที่อีโลปสัญญาว่าจะลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับธุรกิจโทรศัพท์ของโนเกียให้เหลือครึ่งหนึ่งของระดับปี 2553 ภายในปลายปีนี้ นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า ยอดขายโทรศัพท์ของโนเกียได้ลดลงเร็วยิ่งกว่า
โนเกียกล่าวว่า การทำข้อตกลงกับไมโครซอฟต์จะทำให้ฐานะการเงินดีขึ้นและเป็นฐานอันแข็งแกร่งให้กับการลงทุนในอนาคตในธุรกิจต่างๆ ที่กำลังทำอยู่ ในขณะที่ไมโครซอฟต์คาดว่าข้อตกลงนี้จะเร่งเพิ่มการเติบโตให้กับส่วนแบ่งตลาดและกำไรในอุปกรณ์มือถือ
วอลล์สตรีท เจอร์นัลเคยรายงานเมื่อเดือนมิถุนายนว่า ไมโครซอฟต์และโนเกียได้หารือเกี่ยวกับการขายธุรกิจโทรศัพท์มือถือของโนเกีย แต่การเจรจาล้มลงเพราะเรื่องราคา นอกจากนี้ มีรายงานว่าคณะกรรมการของโนเกียได้ประชุมกันมากกว่า 50 ครั้ง เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะทำข้อตกลงกับไมโครซอฟต์
คาดว่าไมโครซอฟต์จะใช้เงินสดที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในต่างประเทศเพื่อซื้อโนเกียและข้อตกลงในการให้ใบอนุญาต และโนเกียคาดว่าธุรกรรมนี้จะเสร็จสิ้นลงในช่วงสามเดือนแรกของปี 2557 โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติของผู้ถือหุ้นโนเกียและเงื่อนไขอื่นๆ
ขณะนี้ไมโครซอฟต์มีส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในสหรัฐ ประมาณ 3% การทำข้อตกลงใหม่เพื่อซื้อโนเกีย จะทำให้ไมโครซอฟต์ได้ครอบครองทั้งทีมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่บริษัทอย่างแอปเปิ้ลมีมานานหลายปี
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อตกลงนี้มีราคาดีเกินกว่าที่ไมโครซอฟต์จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ เนื่องจากมีมูลค่าน้อยกว่าที่ไมโครซอฟต์ซื้อสไกป์ เมื่อปี 2554 ในราคา 8,500 ล้านดอลลาร์
ในวันเดียวกันโวดาโฟนยืนยันหลังจากที่ตลาดลอนดอนปิดการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ว่า ได้ขายหุ้นเวไรซอน ไวร์เลส จำนวน 45% ให้กับเวไรซอน คอมมิวนิเคชั่นส์ ในราคา 130,000 ล้านดอลลาร์ ข้อตกลงนี้ถือว่าเป็นข้อตกลงที่ใหญ่สุดในประวัติศาสตร์บริษัทข้อตกลงหนึ่ง
ข้อตกลงนี้อยู่ในรูปหุ้นและเงินสดซึ่งโวดาโฟนจะได้รับเงินสด 58,900 ล้านดอลลาร์ และได้รับหุ้นเวไรซอน 60,200 ล้านหุ้น และได้รับเงินอีก 11,000 ล้านดอลลาร์ จากธุรกรรมย่อยอีกหลายธุรกรรม คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
โวดาโฟนจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น 71% หรือ 84,000 ล้านดอลลาร์ คืนให้กับผู้ถือหุ้นในขณะเดียวกันก็จะนำไปลงทุนด้านเครือข่าย สำหรับเวไรซอน คอมมิวนิเคชั่นส์ การซื้อในครั้งนี้จะทำให้บริษัทได้เข้าถึงกำไรจากผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่สุดของสหรัฐเต็มๆ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีอำนาจที่จะไปลงทุนในด้านเครือข่ายเคลื่อนที่และสามารถป้องกันผู้ที่มาท้าทายในตลาดที่เริ่มจะมีการแข่งขันมากขึ้น
ข้อตกลงนี้จะกลายเป็นข้อตกลงที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกที่ได้มีการประกาศแล้ว โดยรองจากการเทกโอเวอร์แมนเนสแมนน์ในเยอรมนีของโวดาโฟน เป็นเงิน 203,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2542 และการเข้าถือสิทธิ์ในไทม์ วอร์เนอร์ ของเอแอลโอ เป็นเงิน 181,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2543
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น