วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

กองทุนรัฐดันหุ้นไทย กวาดบลูชิพเป็นหลัก เล็งเป้าหมายไปที่ กลุ่มแบงก์-สื่อสาร-พลังงาน ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 11 กันยายน 2556

กองทุนรัฐดันหุ้นไทย
กวาดบลูชิพเป็นหลัก
เล็งเป้าหมายไปที่ กลุ่มแบงก์-สื่อสาร-พลังงาน

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 11 กันยายน 2556 
ผู้เข้าชม : 10 คน 

กองทุนภาครัฐ กบข.-ประกันสังคม-ออมสิน ออกโรงดันดัชนีหลังซื้อสุทธิตั้งแต่วันที่ 2-10 ก.ย. กวาดหุ้นในกระดานไปแล้ว 1.12หมื่นล้านบาท ไล่ซื้อกลุ่มแบงก์เป็นหลักอาทิ SCB-KBANK-KTB  ส่วนกลุ่มสื่อสารมี INTUCH-ADVANC และพลังงานมี TOP-PTTGC  ส่วนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิรวม 6.5 พันล้านบาท  
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (10 ก.ย.) ปิดที่ 1,393.17 จุด เพิ่มขึ้น 8.86 จุด หรือ 0.64% มูลค่าการซื้อขาย 70,547.86 ล้านบาท  นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 2,073.83 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์     ซื้อสุทธิ  1,236.09   ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ   3,527.09   ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 6,837.01 ล้านบาท
               
แหล่งข่าวจากวงการตลาดทุน เปิดเผยว่า แรงซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศ นับตั้งแต่วันที่ 2-10กันยายน 2556 รวมระยะเวลา 7 วันทำการ ที่มียอดรวมซื้อสุทธิ 11,200 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกองทุนของภาครัฐ เนื่องจากก่อนหน้านี้กองทุนเอกชน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ที่เป็นกองทุนหุ้น รวมถึง กองทุนทริกเกอร์ ฟันด์  ได้ซื้อหุ้นไปมากพอสมควรแล้วก่อนหน้านี้  ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตั้งแต่วันที่ 2-10 กันยายน 2556 จำนวน 6,520 ล้านบาท
ทั้งนี้แรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันในประเทศรอบนี้เข้ามาซื้อหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มบลูชิพ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อาทิ หุ้นธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK,หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, หุ้นธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB
นอกจากนี้ยังมีหุ้นในกลุ่มสื่อสาร อาทิ หุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH และหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ส่วนกลุ่มพลังงานจะมีหุ้น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือPTTGC และหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP
สำหรับรายชื่อกองทุนภาครัฐที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย มีกองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนประกันสังคม และธนาคารออมสิน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การที่หุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาในช่วงนี้เป็นไปตามภาวะการลงทุนของนักลงทุนที่มองเห็นว่าพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนไทยยังมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ความสามารถในการทำกำไรสูง ซึ่งถือเป็นเหตุผลสำคัญที่กลับมาสะท้อนความเชื่อมั่นกับนักลงทุนอีกครั้งหนึ่ง
"ตอนนี้นักลงทุนเริ่มเห็นแล้วว่าพื้นฐานของบจ.ไทย ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากกระแส Fund Flow ของต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งพื้นฐานทางเศรษฐกิจไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง สังเกตได้ในช่วงนี้ Fund Flow จากต่างชาติก็เริ่มกลับมาซื้ออีกครั้ง อีกอย่าง P/E ของบ้านเราก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค จากข้อมูล ณ วันที่ 3 ก.ย. P/E อยู่ที่ 12.80 เท่า ขณะที่ในภูมิภาคอยู่ที่ 13.6 เท่า"  นายจรัมพร กล่าว  
สำหรับประเด็นที่น่าจับตาในขณะนี้ คือ ผลการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ ว่าจะออกมาอย่างไร ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงประเทศไทย ซึ่งในแง่ของนักลงทุนควรเลือกหาหุ้นที่มีพื้นฐานดีและหาจังหวะเข้าลงทุนเมื่อราคาปรับตัวลดลง ส่วนการลงทุนแบบเก็งกำไรนั้นไม่แนะนำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น