กองทุนไล่เก็บไอพีโอ
เน้นหลุดจองซื้อไม่อั้น
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 ผู้เข้าชม : 10 คน
กองทุนไทย-เทศ ดอดไล่เก็บหุ้นไอพีโอหลุดจองเข้าพอร์ต อาทิ หุ้น MC กองทุนกรุงศรีฯ-ไทยประกันชีวิต มีหุ้นเพียบ แถม 3 ผู้บริหารช่วยกันซื้อเข้าพอร์ตส่วนตัวรวมกัน 4.3 ล้านหุ้น ด้าน NOK มีกองทุน Capital Research กองทุนขนาดใหญ่ของออสเตรเลียเก็บหุ้นเข้าพอร์ต และ จิม โรเจอร์ส มหาเศรษฐีชื่อดังสนใจ ด้าน CHG กองทุนบัวหลวงชอบที่สุดมีในพอร์ตแล้ว 33.87 ล้านหุ้น
แหล่งข่าวจากวงการตลาดทุน เปิดเผยว่า กองทุนในประเทศสนใจเข้าถือหุ้นบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เพิ่ม ภายหลังจากที่มองเห็นศักยภาพของบริษัทมีทิศทางการเติบโตที่ดี และมีการทำกำไรต่อหุ้นที่อยู่ในเกณฑ์ โดยเฉพาะเมื่อเทียบจากการทำกำไรสุทธิที่มีสัดส่วนประมาณเกือบ 20% ของรายได้รวม ทำให้กลายเป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบัน
สำหรับกองทุนในประเทศที่สนใจ คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด โดยเฉพาะเมื่อดูสัดส่วนการลงทุนของพอร์ตกองทุนบัวหลวง หลายกองทุนเข้ามาถือหุ้น CHG จำนวนมาก โดยเฉพาะกองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว ถือหุ้นอยู่ 14,504,600 หุ้น หรือคิดเป็น 1.32%, กองทุนเปิด บัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาลถือหุ้นอยู่ 10,129,800 หุ้น หรือคิดเป็น 0.92%และกองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 ถือหุ้นอยู่ 9,243,400 หุ้น หรือคิดเป็น 0.84%
“เท่าที่ทราบกองทุนของบัวหลวง ได้สิทธิจองซื้อหุ้น CHG ตอนไอพีโอด้วย ประมาณ 2.2 ล้านหุ้น ไม่มาก แต่ปัจจุบันถือเพิ่มเป็นทั้งหมด 33,877,800 หุ้น หรือคิดเป็นจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมากขึ้น 31,677,800 หุ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะถือในกองทุนระยะยาวเป็นส่วนใหญ่” แหล่งข่าว กล่าว
นอกจากนี้ยังมีรายชื่อของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (EQ-TH) ถือหุ้นอยู่ 8.4 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 0.76% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ที่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นไอพีโอ จำนวน 7 ล้านหุ้น เท่ากับว่า กบข.ได้ขยายสัดส่วนการถือหุ้น CHG เพิ่มขึ้นอีก 1.4 ล้านหุ้น ซึ่งหุ้น CHG เป็นหุ้นไม่กี่บริษัทที่กองทุนของ กบข.จะถือลงทุนยาว แม้จะหลังจากเข้าเทรดนานหลายเดือนก็ตาม
“ส่วนใหญ่กองทุนของ กบข.จะได้สิทธิจองหุ้นไอพีโอหลายบริษัท เนื่องจากเป็นกองทุนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในการคัดเลือกหุ้นเพื่อการลงทุน จะมีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่จะถือยาว หากไม่ดีจริงคงไม่ถือนาน โดยเฉพาะหุ้น CHG ที่เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันยังถือหุ้นอยู่ และถือเพิ่มด้วย” แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับหุ้น บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เป็นหุ้นไอพีโอที่มีกองทุนในประเทศสนใจหลายราย อาทิ กองทุนเปิด กรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล ถือหุ้นอยู่ 10,109,200 หุ้น หรือคิดเป็น 1.26%, บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่ 5.8 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 0.73% และกองทุนเปิด กรุงศรีหุ้นปันผล ถือหุ้นอยู่ 5,595,200 หุ้น หรือคิดเป็น 0.70%
ประกอบกับผู้บริหารของบริษัทได้ซื้อหุ้นเข้าพอร์ตของตนเองอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น นางปรารถนา มงคลกุล ประธานกรรมการบริหาร ซื้อหุ้นเพิ่มจำนวน 871,000 หุ้น ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 11.76 บาทต่อหุ้น, นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซื้อหุ้นเพิ่มจำนวน 2,787,100 หุ้น ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 11.76 บาทต่อหุ้น และนายวิรัช เสรีภาณุ กรรมการ ซื้อหุ้นเพิ่มจำนวน 7 แสนหุ้น ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 11.76 บาทต่อหุ้น รวมทั้งหมด 4,358,100 หุ้น
นางปรารถนา มงคลกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนญี่ปุ่นที่ดีมาก โดยมีนักลงทุนเข้าร่วมรับฟังข้อมูลบริษัทกว่า 20 คน จากสถาบันการเงินชั้นนำเกือบ 10 แห่ง
สำหรับสาเหตุที่เลือกเดินสายโรดโชว์ให้กับนักลงทุนญี่ปุ่น สืบเนื่องมาจากการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับหลักทรัพย์ธนชาต ซึ่งเล็งเห็นว่าญี่ปุ่นมีศักยภาพสูงและมีการขยายการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการให้ความสนใจกับการเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยด้วย
“การโรดโชว์ไปต่างประเทศครั้งนี้ ก็เพื่อแนะนำบริษัทฯให้เป็นที่รู้จักแก่นักลงทุนชาวต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการกลุ่มนักลงทุนภายในประเทศ ซึ่งจากผลตอบรับที่ได้ก็ทำให้บริษัทมั่นใจได้ว่ามาถูกทางแล้ว โดยหลังจากนี้ ทางธนชาตได้จัดโรดโชว์ต่อไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาใน 6 เมืองใหญ่ อาทิเช่น นิวยอร์ก ชิคาโก แอลเอ และซานฟรานซิสโก เป็นต้น ระหว่างวันที่ 16-20 กันยายน 2556 นี้ และคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน” นางปรารถนา กล่าว
ดังนั้น การโรดโชว์ไปยังต่างประเทศในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะได้นำเสนอบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ฐานะทางการเงินที่มั่นคง และผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการจ่ายปันผลเพื่อตอบแทนนักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งราคาหุ้นของ MC เมื่อเทียบกับปัจจัยต่างๆ แล้ว ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุนที่ยังมีโอกาสได้เติบโตไปพร้อมกับตลาดของไทยในอนาคต ประกอบกับตลาดหลักทรัพย์ของไทยยังมีช่องทางให้เติบโตอีกมาก
สำหรับหุ้นบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ภายหลังจากโรดโชว์ที่งานไทยแลนด์ โฟกัส มีกองทุน Capital Research กองทุนรวมขนาดใหญ่ของประเทศ ออสเตรเลียเข้ามาถือหุ้น NOK ด้วย เนื่องจากมองเห็นศักยภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบกับราคาหุ้น NOK ช่วงที่ผ่านมา หลุดจองไอพีโอ โดยราคาต่ำสุดที่ระดับ 17.40 บาท เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ราคาหุ้นอยู่ที่ 25 บาท ยังต่ำกว่าราคาจองอยู่
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายจิม โรเจอร์ส นักลงทุนระดับอภิมหาเศรษฐี เจ้าของฉายา "อินเดียน่าโจนส์แห่งวงการไฟแนนซ์" และผู้ประพันธ์หนังสือ Street Smarts: Adventures On The Road And In The Markets กำลังลงทุนในสายการบินต่างๆ อาทิ นกแอร์ ของไทย และแอโรฟลอตของรัสเซีย แต่เขาหลีกเลี่ยงที่จะลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย, อินโดนีเซีย และตุรกี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น