กรุงไทยสินเชื่อพุ่ง9%
Q3หม่ำกำไร9.9พันล.
ยันไร้ตั้งสำรองพิเศษ ราคาเป้าหมาย 32.80 บ.
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 25 กันยายน 2556 ผู้เข้าชม : 13 คน
“กรุงไทย” (KTB) สุดปลื้ม สินเชื่อช่วง 8 เดือนแรกพรวด 9% นับเงินรอปล่อยในไตรมาส 4 อีกเยอะ ส่วนไตรมาส 3 รับปันผลวายุภักษ์ ยกซดกำไร 9.9 พันล้าน ไร้ตั้งสำรองพิเศษ ส่วนเอ็นพีแอลลดต่อเนื่อง ราคาหุ้นร่วงส่งผลดิวิเดนด์ยีลด์เพิ่มเป็น 5-6% ราคาเป้าหมาย 32.80 บาท
นางจรี วุฒิสันติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานธุรกิจขนาดใหญ่ 1 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า 8 เดือนที่ผ่านมา สินเชื่อรายใหญ่ของธนาคารยังเติบโตไปตามแผน ซึ่งควบคู่ไปกับสินเชื่อรวมของธนาคารที่ตั้งเป้าไว้ที่ 7-10% โดย 4 เดือนสุดท้ายของปีแนวโน้มสินเชื่อรายใหญ่จะขยายตัวต่อเนื่อง
“ปัจจัยที่จะมาช่วยหนุนการขยายตัวของสินเชื่อในปลายปี 56 จะมาจากงบประมาณของภาครัฐ และ ธนาคารเองก็มีบริษัทที่เป็นผู้รับเหมาทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็กมากพอสมควร ไม่ใช่พึ่งการเบิกจ่ายจากโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และ การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทเท่านั้น” นางจรี กล่าว
นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า KTB จะมีกำไรไตรมาส 3/56 สูงสุดเป็นสถิติใหม่ที่ 9.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากไตรมาส 2 และ 11% จากสิ้นปี 55
ซึ่ง 8 เดือนธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อเพิ่มได้ 9% จากสิ้นปี 55 สูงสุดเมื่อเทียบเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ โดยคาดว่า ณ สิ้นไตรมาส 3/56 จะปล่อยเพิ่มได้ 9.6% ซึ่งสินเชื่อรายใหญ่ยังคงเติบโตได้ แต่สินเชื่อรายย่อยมีการชะลอตัวบ้าง
“KTB จะมีกำไร 9.9 พันล้านบาทสูงสุดเป็นสถิติใหม่ เพราะสินเชื่อที่เติบโตจะทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น และจะได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์อีกถึง 700 ล้านบาท ประกอบกับจะกลับมาตั้งสำรองปกติที่ประมาณ 1.6 พันล้านบาท จากไตรมาสก่อนที่มีการตั้งสำรองสูงถึง 4.1 พันล้านบาท” นายอดิสรณ์ กล่าว
KTB ยังมีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงกว่า 100% แล้วตั้งแต่ไตรมาสก่อนทำให้คาดว่า KTB จะกลับมาตั้งสำรองปกติในไตรมาสนี้ แต่สัดส่วนดังกล่าวยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มทำให้มีความเป็นไปได้ที่ในไตรมาสต่อไป KTB จะมีการตั้งสำรองพิเศษอีกครั้งในไตรมาส 4 โดยสัดส่วนสำรองที่ KTB มีอยู่นั้นยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่มีอยู่ที่ 128%
นอกจากนี้ KTB จะได้รับปันผลจากกองทุนวายุภักษ์เป็นครั้งสุดท้ายในไตรมาสนี้ หลังจากนั้นกองทุนจะหมดอายุลงในเดือนพ.ย. โดยทางกระทรวงการคลังได้มีมติให้เปลี่ยนกองทุนเป็นกองทุนเปิด แต่จะมีการไถ่ถอนกองทุนให้กับผู้ถือก่อนแล้วถึงจะมีการระดมทุนใหม่อีกครั้ง ซึ่งทางฝ่ายคาดว่าการไถ่ถอนนี้จะทำให้ KTB รับรู้กำไรประมาณ 3.2 พันล้านบาท(คำนวณจาก NAV วันที่ 20 ก.ย. 2556 ที่ 11.0853 บาท/หน่วย)
นักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยคาดกำไรไตรมาส 3/56 จะอยู่ที่ 9.3 พันล้านบาท ฟื้นตัว 45% จากไตรมาส 2 จากการกลับมาตั้งสำรองหนี้สูญในระดับปกติ โดยเติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียม และบริการ ส่งผลให้ประมาณการกำไรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 อยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 7% คิดเป็น 74% ของประมาณการทั้งปีที่ 3.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโต 39% จากปี 2555 โดยฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีตามเดิม
“สิ้นเดือนส.ค. 56 มีสินเชื่อสุทธิคงค้าง 1.6 ล้านล้านบาท เติบโต 9% จากปลายปี 55 ซึ่งมาจากการปล่อยสินเชื่อในทุกกลุ่ม ในขณะที่สินเชื่อในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะเร่งตัวขึ้นจากการเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ในเดือนต.ค. โดยจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเริ่มมีการเบิกจ่ายเงินกู้ภาครัฐ” นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังดีผู้บริหารบอกว่า ยังไม่มีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากธนาคารไม่ได้เน้นปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ในขณะที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลให้กับข้าราชการ และสินเชื่อ SME เฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ จึงมีความเสี่ยงต่ำกว่า
KTB เป็นแบงก์รัฐทำให้ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้สินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณจะเป็นผลดีต่อการเติบโตของสินเชื่อ ด้านเงินกองทุนยังแข็งแกร่ง สิ้นเดือนมิ.ย. 56 มีเงินกองทุนรวมตามเกณฑ์ Basel III เท่ากับ 14.9% เงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 10%
อีกทั้ง ได้ปรับมาใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 57 โดยมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นปี 57 จะเติบโตจาก 14.4 บาทในปี 56 เป็น 16.4 บาทในปี 57 โดยใช้ระดับ Prospect P/BV ตามเดิมที่ระดับ 2 เท่า Ke ที่ 12% ได้ราคาเหมาะสม 32.80 บาทยังสูงกว่าราคาปิด ราคาหุ้นที่ปรับลงมาทำให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปรับขึ้นเป็น 5-6% ซึ่งสูงที่สุดในหุ้นกลุ่มธนาคาร แนะนำ “ซื้อ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น