วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

MUFGออกลายซามูไร เพิ่มทุนBAYบีบเทนเดอร์ ”กลุ่มรัตนรักษ์”ถูกลดสัดส่วนถือครองหุ้น ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556

MUFGออกลายซามูไร
เพิ่มทุนBAYบีบเทนเดอร์
”กลุ่มรัตนรักษ์”ถูกลดสัดส่วนถือครองหุ้น

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 
ผู้เข้าชม : 10 คน 

บอร์ดแบงก์กรุงศรีฯ อนุมัติเพิ่มทุน 1.5 พันล้านหุ้น ให้ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ หรือ MUFG  ส่งผลหุ้น BAY ในกระดานถูกไดลูทฯ  บีบรายย่อยทำเทนเดอร์ฯ เดือนพ.ย.นี้  ด้าน “กลุ่มรัตนรักษ์” ถูกลดส่วนถือครองหุ้นต่ำกว่า 25% หลังเพิ่มทุน ควบรวมเสร็จปี 57
                          นางเจนิส แร แวน เอ็กเคอเรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารได้มีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อรับทราบข้อมูลโดยสรุปของโครงการที่ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด จะลงทุนซื้อและถือหุ้นของธนาคาร รวมทั้งการอนุญาตต่างๆ ของกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
                          และอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการควบรวมกิจการของธนาคารและธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพฯ โดยธนาคารซื้อและรับโอนกิจการของธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพฯ รวมทั้งการเข้าทำสัญญาซื้อขายกิจการ ระหว่างธนาคารกับธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด และสัญญาอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จะไม่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด (Mandatory Tender Offer) อีกภายหลังการได้รับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธนาคารจากการโอนกิจการของธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพฯ ให้แก่ธนาคาร
                         ที่ประชุมคณะกรรมการยังได้อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของธนาคาร จาก 70,893,927,550 บาท เป็น 60,741,437,470 บาท โดยวิธีการตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ออกไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ แต่มิได้มีการใช้สิทธิภายในระยะเวลาที่กำหนด จำนวน 15,249,008 หุ้น และตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่าย จำนวน 1,000,000,000 หุ้น ซึ่งรวมเป็นจำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ตัดออกทั้งสิ้น 1,015,249,008 หุ้น
                         และอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของธนาคาร จำนวน 15,000,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียน 60,741,437,470 บาท ให้เป็นทุนจดทะเบียน 75,741,437,470 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,500,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ เสนอขายในราคาหุ้นละ 39 บาท และให้ชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนในส่วนนี้เป็นตัวเงิน ทั้งนี้ ภายใน 6 เดือนนับจากวันสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อหุ้นตามคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer หรือ  VTO) ของ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด
                         และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือจากการจัดสรรตามส่วนที่ 1 มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ให้แก่ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด เพื่อตอบแทน และ/หรือแลกกับการควบรวมกิจการของ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพฯ ซึ่งธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด จะชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนนี้ด้วยทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ตัวเงิน (คือ ทรัพย์สินทั้งหมดของกิจการของ BTMU สาขากรุงเทพฯ)
                         กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิในการเข้าประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันพฤหัสบดีที่ 10  ตุลาคม 2556 จนถึงวันประชุมผู้ถือหุ้นและเรียกประชุมผู้ถือหุ้นตามวิธีการที่กำหนดในมาตรา 73 และมาตรา 74 ของ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และอนุมัติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2556 ในวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม  2556 เวลา 14.00 น.
                         อย่างไรก็ตามต้องรอดูผลประชุมของผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะกลุ่มรัตนรักษ์ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ จะถูกลดสัดส่วนการถือหุ้น เนื่องจากไม่ได้รับหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ด้วย  จากปัจจุบันที่ถือประมาณ 25% ของหุ้น BAY ทั้งหมด ซึ่งจะเห็นด้วยกับการโหวตครั้งนี้หรือไม่
                        นอกจากนี้ราคาหุ้นจะถูกไดลูทฯจากหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนของ ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ที่เพิ่มขึ้น  1,500,000,000 หุ้น ซึ่งเท่ากับบีบให้นักลงทุนรายย่อยต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ที่ราคา 39.0 บาทต่อหุ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งหากใครไม่ขาย หลังเพิ่มทุนราคาในกระดานก็จะลดลงต่ำกว่าราคาเทนเดอร์ฯ
                        สำหรับมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ตั้งอยู่ในย่านชิโยดุของกรุงโตเกียว ถือเป็นสถาบันการเงินใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น มีขนาดสินทรัพย์ในความดูแลไม่ต่ำกว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 53 ล้านล้านบาท
                        โดยแผนการควบรวมกิจการกับแบงก์กรุงศรีฯ จะเริ่มต้นประมาณต้นปี 2557 ภายหลังจากเสร็จสิ้นการทำ VTO และจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ธนาคารสามารถให้บริการทางการเงินที่มีความหลากหลายและครบวงจรแก่ลูกค้ากลุ่มต่างๆ ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญของ BTMUระดับโลกเข้ากับเครือข่ายสาขาของธนาคารในไทย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น