วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

โยกย้ายใหญ่กลุ่มปตท. 'บวร'ขึ้นซีอีโอPTTGC ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 09 กันยายน 2556

โยกย้ายใหญ่กลุ่มปตท.
'บวร'ขึ้นซีอีโอPTTGC

ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 09 กันยายน 2556 
ผู้เข้าชม : 6 คน 

กลุ่มปตท.ปรับโครงสร้างผู้บริหารในเครือ ดัน “บวร วงศ์สินอุดม” นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTGC พร้อมดัน “สุกฤตย์ สุรบถโสภณ”  ขึ้นเป็นเอ็มดี IRPC ฟากบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ บาท ขึ้น XD 18 .นี้ 
รายงานข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ในฐานะประธานกรรมการบริษัท เป็นประธานการประชุม มีวาระสำคัญคือ การพิจารณาโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของ กลุ่มปตท. เพื่อทดแทนการเกษียณอายุของผู้บริหารระดับสูงประจำปี 2556
โดยนายบวร วงศ์สินอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTGC แทนนายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ที่เกษียณอายุ ซึ่งการแต่งตั้งนายบวรครั้งนี้ เพราะเล็งเห็นว่าสามารถบริหารจัดการปัญหาน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลที่จังหวัดระยองได้เป็นที่น่าพอใจ
ขณะที่นายอธิคม เติบศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ถูกโยกไปดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และโยกให้นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC แทน
ส่วนนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ไปดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ แทนนายวิชัย พรกีรติวัฒน์ ที่จะเกษียณอายุในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ด้านนายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ย้ายไปดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายแทน
ทั้งนี้ ในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ทาง PTT ได้ดำเนินการแจ้งผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เพียงกรณีการลาออกของนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ กำหนดการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของบริษัท และการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ จำกัด
โดยนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT เปิดเผยในเอกสารว่า นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการตรวจสอบได้แจ้งลาออกจากตำแหน่งกรรมการ เนื่องจากมีภารกิจอื่น โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป โดยคณะกรรมการ ปตท. ได้มีมติแต่งตั้งนายอรรถพล ใหญ่สว่าง เป็นกรรมการอิสระแทนนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป
อีกทั้งทางที่ประชุมบอร์ด PTT ยังได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2556 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราหุ้นละ 5 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 14,281 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.5% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 18 ก.ย.นี้ และกำหนดวันวันที่จ่ายปันผล 4 ต.ค. 2556
นอกจากนี้ มติของคณะกรรมการยังอนุมัติให้ดำเนินการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ จำกัด (B.Grimm BIP Power) ที่ปตท.ถือหุ้นอยู่ทั้งหมดจำนวน 656,650 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 23% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดให้แก่บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น B.Grimm BIP Power ในสัดส่วน 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยมีมูลค่าการจำหน่ายประมาณ 180 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าการจำหน่ายดังกล่าวเป็นราคาที่ต่อรองกันอย่างเป็นอิสระระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งทำให้ ปตท. ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับที่เหมาะสม

PTTEP กำไร Q3 เกิน 1.2 หมื่นล้าน
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด ประเมินว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/56 ไม่น้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 13% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 10,663 ล้านบาท
โดยมีปัจจัยของราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ โดยราคาน้ำมันดิบปัจจุบันอยู่ที่ 107 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ราคาขายก๊าซฯน่าจะทรงตัวในระดับ 8 เหรียญต่อล้าน BTU และมียอดขายปิโตรเลียมที่ไม่น้อยกว่า 300,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 3% จากการรับรู้ยอดขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นในพม่า รวมทั้งโครงการในประเทศอย่างโครงการบงกชใต้ และโครงการอาทิตย์ เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2556 คาดรายได้ 242,973 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 62,868 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 212,537 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 57,316 ล้านบาท กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเหมาะสม 188 บาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น