วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

SAWADกำไรยังสวย อัพราคาเป็น33บาท

SAWADกำไรยังสวย
อัพราคาเป็น33บาท
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 09 ธันวาคม 2557 



โบรกฯ เพิ่มราคาเป้าหมาย “ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979” หรือ SAWAD เป็น 33 บาท หลังมองศักยภาพในการสร้างกำไรยังแข็งแกร่ง เติบโตเฉลี่ย 30-40% ได้ทุกปี และยังได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวในระดับต่ำ และจะเข้า SET100 กลางเดือนธ.ค.นี้

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เป็นหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อที่ได้รับความนิยมจากรายย่อย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อิงไปกับดอกเบี้ยที่คาดการณ์ว่าจะไม่ใช่ขาขึ้น แต่จะเป็นขาลงมากกว่า โดยหากทางจีนลดดอกเบี้ยก็มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะลดดอกเบี้ยตาม
“ตอนนี้หุ้นในกลุ่มเช่าซื้อ และกลุ่มที่เกี่ยวกับรายย่อยจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน และต่างชาติ โดยถ้าเป็นแบงก์เล็กยิ่งน่าสนใจ เพราะอิงไปกับเทรนด์ดอกเบี้ยที่มีการเติบโตในปีหน้าด้วย ซึ่ง TISCO และ KKP ก็น่าสนใจ ซึ่งตอนนี้หุ้นแบงก์เล็กกำลังมาแรง ราคายังถูก และมั่นใจว่าไตรมาส 1/58 มาแน่”
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุว่า SAWAD จะมีการเติบโตแข็งแกร่ง ทำกำไรดี และมีความเสี่ยงต่ำ ประกอบกับ สินเชื่อมีหลักทรัพย์การค้ำประกันโดยที่บริษัทมุ่งเน้นไปที่รถเพื่อการพาณิชย์ และประเมินมูลค่าโดยใช้ระบบภายใน และใช้อัตราส่วนเงินกู้ต่อหลักประกันต่ำที่ประมาณ 50% ซึ่งการมีสาขาครอบคลุมพื้นที่ทุกๆ 20 กิโลเมตร ทำให้สามารถเข้าถึง และเก็บเงินจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบที่สูง และ ความต้องการของสินเชื่อของตลาดล่างที่สูงทำให้รักษาผลตอบแทนจากการปล่อยกู้ได้ 30% ต่อปี
และคาดว่าสินทรัพย์ของ SAWAD จะเติบโตได้ถึง 5 เท่า โดยที่บริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน แม้ว่า EPS จะเติบโตถึง 42% ในปี 2556 แต่คาดว่า EPS จะเติบโต 31% ในปี 2557 และ เติบโตเฉลี่ยอย่างยั่งยืนที่ 40% ต่อปีระหว่างปี 2557-2562 จากประมาณการการเติบโตของสินเชื่อ 30% ต่อปีจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น และการขยายสาขา ส่วน NIM ขยายตัว 1-2% ระหว่างปี 2557-2559 จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 40% ต่อปี และ  leverage จากการดำเนินงานที่จะทำให้อัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงจาก 44% ในปี 2558 เป็น 38% ในปี 2560 และ 32% ในปี 2563 ขนาดของฐานเงินกู้ที่จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ได้รวมปัจจัย NPL ที่จะสูงขึ้นบวกกับค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญที่จะเพิ่มขึ้น 31% ต่อปี จึงคาดว่าสัดส่วนเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของ SAWAD จะเพิ่มขึ้นเกิน 110% ในปี 2559
อย่างไรก็ตาม การเป็นบริษัท micro-finance ที่มีสาขามากที่สุดทำให้ใช้ประโยชน์จากการมีสาขาครอบคลุม โดยเริ่มทำธุรกิจจัดเก็บหนี้ และธุรกิจนายหน้าประกันจึงเชื่อว่าบริษัทได้เปรียบ JMT ซึ่งเป็นบริษัทจัดเก็บหนี้ชั้นนำในปัจจุบัน เนื่องจาก SAWAD ใช้พนักงานท้องถิ่นในจัดเก็บ
โดยถูกจ้างโดยสองบริษัทเช่าซื้อใหญ่ และคาดว่าจะเซ็นสัญญากับธนาคารในเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ส่วนแบ่งการตลาดของ NPL สินเชื่อรายย่อย 10% ในปี 2561 เทียบกับของ JMT ในปัจจุบันที่ 20% เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมจะมีผลต่อกำไรสุทธิโดยตรงจึงคาดว่าธุรกิจนี้จะเพิ่มกำไรให้กับ SAWAD 3% ในปี 2561
“เราชอบ SAWAD เรื่องการเติบโตที่แข็งแกร่ง และประมาณการ ROE ที่สูง แม้ราคาหุ้นจะขึ้นมากหลัง IPO จึงยังคงมองว่าไม่แพง เนื่องจาก PEG อยู่เพียง 0.5 เท่าตามประมาณการเราเทียบกับ 1 เท่าของ MTLS ตามตลาดจึงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 33 บาท เพราะเห็นอัพไซด์จากการมีสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของธุรกิจจัดเก็บหนี้ และนายหน้าประกันที่เร็วกว่าคาดการณ์”
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังแนะนำ "เก็งกำไร" หุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดเลือกเข้าไปในการคำนวณ SET50/SET100 โดย บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) คาดว่าจะถูกคัดเลือกเข้าไปในการคำนวณ SET100
ก่อนหน้านี้ นางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ และ กำไรสุทธิปี 2558 เติบโต 20-30% เป็นไปตามเป้าหมายการเพิ่มพอร์ตสินเชื่ออีก 20-30% จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ระดับมากกว่า 7,000 ล้านบาท
ส่วนในปีนี้มั่นใจว่ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโต 20-30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,446.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 575.43 ล้านบาท ซึ่งในปีหน้าบริษัทจะมีการรุกธุรกิจใหม่เพิ่มเติม โดยจะเป็นธุรกิจการซื้อหนี้เสียเพื่อมาบริหารจากปัจจุบันได้ตั้งบริษัทย่อยเพื่อรับจ้างติดตามหนี้ ซึ่งเล็งเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรในระดับสูง โดยจะเป็นอีกฐานสำคัญต่อธุรกิจรวมของบริษัทในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น