วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ข่าวลือกระหน่ำหุ้นรูด22จุด


ข่าวลือกระหน่ำหุ้นรูด22จุด
การเงินการคลัง วันอังคารที่ 09 ธันวาคม 2557 


ดัชนีหุ้นไทยปิดลบกว่า 22 จุด หลังมีข่าวลือเข้ามาในช่วงท้ายตลาด ประกอบกับมีการเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ด้านโบรกฯ เผย วันนี้อาจรีบาวด์ พร้อมแนะเข้าเก็บหุ้นในกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ รับเหมา เช่น CK กลุ่มนิคมฯ เช่น WHA และหุ้นที่กองทุน LTF จะเข้าไปซื้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 ธ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดลบ 22.21 จุด มาที่ 1,575.55 จุด หลังดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,603.89 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,573.49 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 61,340.64 ล้านบาท
ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มพลังงานยังถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลา 15.30 น.เป็นต้นมา มีข่าวลือที่เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นออกมา ทำให้มีแรงเทขายออกมาต่อเนื่อง กระทั่งปิดตลาดในที่สุด
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากพิจารณาจากตัวเลขซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มในวานนี้ (8 ธ.ค.) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,786.81 ล้านบาท ในขณะที่พอร์ตโบรกฯ ขายสุทธิ  1,417.59  ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 128.64 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 497.86 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่าต่างชาติยังให้ความสนใจ และลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นว่าสิ้นปีนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยืนเหนือกว่า 1,600 จุดได้ ประกอบกับยังมีเม็ดเงินจาก LTF ที่จะเข้ามาในเดือนธันวาคมนี้อีก ซึ่งกลุ่มที่ยังแนะนำให้ลงทุน เช่น ไมโครไฟแนนซ์อย่างหุ้น TISCO KKP ที่จะได้ประโยชน์จากสินเชื่อรายย่อย โดยราคาหุ้นยังถูกเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่
กลุ่มก่อสร้าง เช่น UNIQ กลุ่มพลังงาน เช่น PTT เพราะจะได้ประโยชน์จากการปรับราคาก๊าช และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น WHA
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (9 ธ.ค.) ในระยะสั้นภาพตลาดอยู่ในทิศทางแกว่งลง แต่ระหว่างทางอาจมีรีบาวด์ได้บ้าง เว้นแต่ดัชนีจะสามารถรีบาวด์ได้เหนือแนวต้าน 1,590 จุด ก็จะทำให้ตลาดมีภาพไปต่อได้ ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,570-1,550 จุด
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดมีแรงขายทำกำไรออกมา หลังจากที่ดัชนีไม่สามารถผ่าน 1,600 จุดไปได้ ประกอบกับหุ้นกลุ่มพลังงานก็ถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง
ปัจจุบันราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นต่างประเทศ ได้สะท้อนปัจจัยบวกเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ดีขึ้นไปแล้ว และสะท้อนการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า ดังนั้นจึงขาดปัจจัยที่จะผลักดัน
ตลาดหุ้นในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามและถือเป็นปัจจัยบวกที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ การที่รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ซึ่งจะต้องรอดูรายละเอียดของมาตรการว่าเป็นอย่างไร และสำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในวันนี้ คาดว่าดัชนีมีโอกาสรีบาวด์ได้ หลังจากวันนี้ปรับตัวลงมาแรง โดยดัชนีจะมีแนวต้านที่ 1,580 จุดและ 1,590 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,570  จุด
นายวิวัฒน์  เตชะพูลผล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงกว่า 22 จุด ช่วงท้ายการซื้อขายเป็นการเทขายหลังเกิดสัญญาณขายทางเทคนิค เมื่อดัชนีฯหลุดแนวรับ 1,586 จุด อีกทั้งด้วยภาวะที่หุ้นไทยแพงอยู่แล้ว หากเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ดังจะเห็นได้จากเริ่มพูดคุยถึงหุ้นไทยแพง นับตั้งแต่งาน Money Expo 2014 ที่ผ่านมา
ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศ คาดว่าอีกสองสัปดาห์จากนี้ไป น่าจะปรับตัวลงประมาณ 3% ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป หลังจากที่ดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 6 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงจากสัญญาณทางเทคนิค นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นไทยที่ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,600 จุดหลายครั้ง แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ จึงเกิดแรงขายออกมากดดัน
สำหรับวันนี้ (9 ธ.ค.) คาดว่าหุ้นไทยจะแกว่งตัวลงต่อ หลังจากดัชนีหุ้นไทยที่ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,600 จุดหลายครั้ง แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ ดังนั้นมองว่าดัชนีฯมีโอกาสหลุดไปแตะแนวรับ 1,570 จุด และหากดัชนีฯปรับตัวลงไปสู่ระดับดังกล่าว มองเป้าดัชนีฯปีนี้ 1,600 จุด
"ดัชนีฯ ลงแรง ผลมาจากสัญญาณเทคนิค หลุด 1,586 ลงมา ก็มีแรงขาย คนที่มีกำไรหรือเท่าทุนเขาก็ขาย เพื่อรอซื้อใหม่ที่แนวรับ 1,570 จุด หุ้นไทยแพงอยู่แล้ว ถ้าเทียบในเอเชีย ถ้าลงไปแตะ1,570 เป้าสิ้นปีก็จะเหลือ 1,600 จุด คิดว่า 1,570 จุด น่าจะเอาอยู่"นายวิวัฒน์กล่าว
ด้านกลยุทธ์ แนะรอซื้ออีกครั้ง จังหวะดัชนีฯอ่อนตัวเข้าใกล้แนวรับ 1570 จุด เนื่องจากครึ่งเดือนหลังของเดือนนี้ น่าจะเห็นเม็ดเงินราวหนึ่งหมื่นล้านบาทจากกองทุนรวม LTF-RMF เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย พร้อมประเมินแนวรับ 1,570 จุด แนวต้าน 1,586 จุด   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น