วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

“เด็มโก้”ติดหล่ม“วินด์” แผนเข้าตลาดส่อล่ม! :ขาใหญ่รอวันตายหมู่ สูญเงินรายละ 100 ล้าน

“เด็มโก้”ติดหล่ม“วินด์”
แผนเข้าตลาดส่อล่ม!
:ขาใหญ่รอวันตายหมู่ สูญเงินรายละ 100 ล้าน

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 03 ธันวาคม 2557 


DEMCO ติดหล่มลงทุน “วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ” แผนดันเข้าตลาดหุ้นส่อเค้าล่ม เหตุ “นพพร” ซีอีโอและผู้มีอำนาจลงนาม เจอคดีอาญาร้ายแรง ส่งผลแผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลม 630 เมกะวัตต์หยุดชะงัก และกระทบรายได้จากการรับก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามไปด้วย ส่วน “ขาใหญ่” วงแตก.! โดนยกแผง 20 ราย หลังรับซื้อหุ้นพรีไอพีโอหุ้นละ 570 บาท สูญเงินไปรายละกว่า 100 ล้านบาท “พงษ์ศักดิ์” ลั่นไม่กระทบบริษัทแม้ผู้ถือหุ้นใหญ่เจอคดีอาญา

แหล่งข่าวจากวงการเงิน เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า จากกรณีนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้มีอำนาจลงนามบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอาญาร้ายแรง ถือว่าส่งผลกระทบต่อบริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO อย่างมีนัยสำคัญ ในฐานะผู้ถือหุ้นประมาณ 4% ในวินด์ เอ็นเอนร์ยี่ฯดังกล่าว
เนื่องจากหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ DEMCO มีกำไรเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือต้องนำบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด เข้าตลาดหุ้นภายในปี 2558 แต่เนื่องจากนายนพพรถูกดำเนินคดีอาญา จึงส่งผลให้แผนการนำหุ้นวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ เข้าตลาดต้องชะลอหรือยกเลิกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากประเด็นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อ DEMCO ทั้งทางตรงและทางอ้อม กล่าวคือ ในแง่ทางตรงหากบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ ไม่สามารถเข้าตลาดได้ จะกระทบต่อการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เหลืออยู่กว่า 630 เมกะวัตต์ จากทั้งหมด 930 เมกะวัตต์ (เสร็จไปเพียง 300 เมกะวัตต์) เนื่องจากบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ จะต้องประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทันที เพราะว่าระดมทุนจากตลาดหุ้นและกู้เงินจากสถาบันการเงินไม่ได้
สำหรับผลกระทบทางอ้อม คือทำให้ DEMCO เสียโอกาสในการรับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่ต้องชะงักลง เพราะที่ผ่านมา DEMCO เรียกว่าผูกขาดการรับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากบริษัท วินด์ เอ็นเอนร์ยี่ฯ และบริษัทในเครือ 14 บริษัท หรือประมาณ 75% ของโครงการทั้งหมด นั่นหมายถึงสัดส่วนรายได้จากธุรกิจรับก่อสร้างโรงไฟฟ้าหายไปอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนเบื้องหลังเรื่องราว (Story) ก่อนจะมีการยืนไฟลิ่งเพื่อขอนำหุ้นวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ใหญ่แห่งหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ไล่ระดมทุนนอกตลาด ด้วยการนำหุ้นวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ ไปขายพรีไอพีโอ (pre-IPO)  ให้กับลงทุนรายใหญ่หรือบรรดาเสี่ยชื่อดังต่างๆ รวมประมาณ 20 ราย เฉลี่ยราคาหุ้นละ 570 บาท ร่วมมูลค่ากว่า 2,500-3,000 ล้านบาท เฉลี่ยรายละประมาณ 100 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินค่าหุ้นกันไปหมดแล้วตั้งแต่เดือนเม.ย. 57 ที่ผ่านมา
โดยเงื่อนไขส่วนหนึ่งในการขายพรีไอพีโอหุ้นวินด์ อ็นเนอร์ยี่ฯครั้งนี้ คือพันธะสัญญาว่าจะมีการขายหุ้นไอพีโอและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2557-2558 เพื่อให้บรรดานักลงทุนรายใหญ่ดังกล่าวมีโอกาสขายหุ้นในกระดานได้ทันที เมื่อหุ้นวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน)หรือ DEMCO เปิดเผยว่า กรณีมีชื่อนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญ ในฐานะที่ถือหุ้นในวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ 4% ในส่วนของคดีส่วนตัวของนายนพพร บริษัทไม่ทราบรายละเอียด แต่เชิงธุรกิจบริษัทไม่มีการเปลี่ยนแปลง และปัจจุบันนายประเดช กิตติอิสรานนท์ ไม่ได้มีการถือหุ้น DEMCO อีกแล้ว
ส่วนที่บริษัทได้เข้าร่วมทุนทั้ง 2 โครงการกับวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯขนาดกำลังการผลิตแห่งละ 60 เมกะวัตต์ ยังเดินหน้าอย่างเต็มที่ตามแผนงานที่กำหนดไว้ โดยโครงการพลังงานลมที่วะตะแบก จังหวัดชัยภูมิ ที่วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯถือหุ้น 75% ได้มีการเซ็นสัญญาว่าจ้างให้บริษัทเป็นผู้ก่อสร้างแล้วและใกล้เริ่มงาน ส่วนโครงการพลังงานลมเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบรายละเอียดโดยวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ ถือหุ้นราว 30%
ขณะที่แผนการเดินหน้านำวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในปีหน้า ยังดำเนินการต่ออย่างแน่นอน เพราะมองว่าวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯมีระบบการบริหารด้วยมืออาชีพ มีคณะกรรมการบริษัทที่กรรมการและผู้บริหารทุกคนมีคุณภาพ มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานลมและด้านการเงิน มีอดีตผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเป็นกรรมการและผู้บริหาร โดยนายนพพร คือหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่การดำเนินงานต่อจากนี้มีคณะกรรมการและทีมผู้บริหารดูแลอยู่แล้ว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานบริษัทปี 2558 รายได้และกำไรจะเติบโตได้ประมาณ 20% ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยรายได้จะมาจากการขยายขนาดของตลาด รวมทั้งได้ประโยชน์จากการลงทุนด้านสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ประกาศงบลงทุน 5 ปี มากกว่า 120,000 ล้านบาท และการลงทุนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ปีละกว่า 20,000 ล้านบาท
อีกทั้งมีในส่วนเพิ่มจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ตามประกาศของกระทรวงพลังงาน 1,445 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุนมากกว่า 86,000 ล้านบาท สำหรับรายได้จาการลงทุน บริษัทจะรับรู้รายได้จากการถือหุ้น 15% โครงการพลังงานลมห้วยบง 2 และ 3 รวมทั้งโครงการโซลาร์ และโซลาร์รูฟฯ 3 เมกะวัตต์ โดยจะได้รับเงินปันผลปี 2558 วงเงิน 195 ล้านบาท
สำหรับแผนลงทุนประเทศเมียนมาร์ ตอนนี้ได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าไปแล้ว และล่าสุดได้มีการจดทะเบียนตั้งบริษัท เด็มโก้ เดอร์ลาว จำกัด เพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคแขวงทางเหนือของ สปป.ลาว รวมทั้งมีโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ทางภาคเหนือตอนล่าง ขนาดกำลังผลิต 8 เมกะวัตต์ 1 แห่ง โดยยื่นขอ PPA ไปที่กฟภ.แล้ว และเทศบาลทำหนังสือตอบกลับมาแล้ว รอขั้นตอนจะออก PPA มาให้กับบริษัทด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น