วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

AEONTSกำไรลดวูบ12%


AEONTSกำไรลดวูบ12%

กองทุนรวม ประกัน วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม 2557 
AEONTS กำไรไตรมาส 3/57 ที่ 568 ล้านบาท ลดลง 12% เผยสินเชื่อไตรมาสนี้เติบโตได้น้อยจากผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ เชื่อไตรมาส จะฟื้นตัวได้หลังเข้าHigh Season ส่วนปีหน้าหากเศรษฐกิจดีขึ้นสินเชื่อจะกลับมาเติบโตสูง พร้อมปรับราคาเป้าหมายปี 58 ที่ 133 บาท และ ยังคงแนะนำซื้อ
นายธนภัทร ฉัตรเสถียร นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า AEONTS ประกาศกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3/57 (20 ส.ค.-20 พ.ย.) ที่ 568 ล้านบาท ลดลง 16% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 12% จากปีก่อนหน้า โดยในไตรมาสก่อนมีรายการสำคัญ คือ การปรับนโยบายสำรองเป็น Collective Approach ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น 395 ล้านบาท
ในอีกด้านมีการขาย NPL เป็นจำนวนมากทำให้บันทึกรายได้จากการขายสูงถึง 479 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาสนี้ทั้งสองรายการกลับมาอยู่ในระดับปกติทำให้สุทธิแล้วกำไรจึงลดลง ในแง่ของผลการดำเนินงานปกติยังไม่กระเตื้อง โดยสินเชื่อเติบโตจากไตรมาสก่อน 1% ทำให้รวม 9 เดือนสินเชื่อโตเพียง 6.7% จากสิ้นปี 2556 ชะลอลงชัดเจนจากปีก่อนที่สินเชื่อทั้งปีเติบโตกว่า 21%
อย่างไรก็ตาม เป็นผลจากการที่ธุรกิจของบริษัทยังไม่เข้าสู่ช่วง High Season อย่างเต็มตัว โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะเข้าช่วง High Season ในเดือนธ.ค. และจากสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเปราะบางทำให้ประชาชนระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย
ด้าน Spread ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 22.75% ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิดีขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 5% จากปีก่อนหน้า และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน สำหรับ NPL ในไตรมาสนี้มีแนวโน้มทรงตัวที่ 3.29% โดยมองว่า Credit Cycle ของบริษัทได้ผ่านช่วงที่แย่ที่สุดไปแล้ว และแนวโน้ม NPL จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ
นอกจากนี้ ในไตรมาสหน้าจะเข้าสู่ High Season ของธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่วงที่ยอดใช้จ่ายของประชาชนสูงที่สุด โดยมองว่าจะเห็นการฟื้นตัวของสินเชื่อ และกำไรได้ ซึ่งอาจไม่ถึงเป้าประมาณการสำหรับทั้งปีที่คาดสินเชื่อจะเติบโต 12% โดย 9 เดือนที่ผ่านมาโตเพียง 6.7% จากสิ้นปี 2556 และกำไรที่คาดไว้ที่ 2,517 ล้านบาท จากกำไรงวด 9 เดือนคิดเป็นเพียง 72% ทำให้มีโอกาสที่จะปรับลดประมาณการลงอีก
แต่หากมองข้ามไปถึงปีหน้าเชื่อว่าปัจจัยหนุนต่างๆ จะเริ่มกลับมา โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าปีนี้จะช่วยหนุนการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนได้ ซึ่งในระยะยาวเชื่อว่าอีกปัจจัยที่จะผลักดันผลประกอบการจะมาจากธุรกิจในกัมพูชาที่เชื่อว่าหากสามารถดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตได้เต็มตัวจะเริ่มเติบโตแรง
ทั้งนี้ ได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 58 ที่ 133 บาท อิง Justified PER ที่ 11 เท่า โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับไม่แพงเทียบกำไรที่คาดปีหน้าคิดเป็น Forward PER เพียง 9.4 เท่าจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ซึ่งคาดว่าทั้งปีบริษัทจะจ่ายปันผลในครึ่งปีหลังอีก 1.9 บาท โดยทำให้ทั้งปี ผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 3-4% และยังคงแนะนำ “ซื้อ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น