SCBเป๋าตุงอีก
กำไร1.3หมื่นล.
อัพราคา233บ.
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 08 ตุลาคม 2556 ผู้เข้าชม : 3 คน
ไทยพาณิชย์ (SCB) ยังเป็นผู้นำด้านกำไรอันดับ 1 คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/56 รับ 1.29 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 29% คุณภาพของสินทรัพย์ยังยอดเยี่ยม โบรกฯแนะ "ซื้อ" ปรับใช้ราคาเป้าหมายใหม่เป็น 233 บาท/หุ้น
นักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ระบุว่า จากการที่ประชุมกับผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เชื่อว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/56 เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อนหน้า และ 2% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะทำให้กำไรอยู่ที่ 1.29 หมื่นล้านบาท โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามการเติบโตของสินเชื่อ และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ยังเติบโตดีเกินเป้าที่ระดับ 12-14% และการบันทึกค่าธรรมเนียมที่ปรึกษาทางการเงินจากดีลควบรวม CPALL-MAKRO ส่วนใหญ่จะได้ในไตรมาสนี้
ในขณะที่ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ยังทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 2/56 ที่ระดับ 3.12% แม้ต้นทุนเงินฝากเพิ่มขึ้นแต่ได้รับชดเชยจากอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากสินเชื่อ SME และ สินเชื่อรายย่อยที่มีฐานสูงขึ้น โดยกำไร 9 เดือนแรกปี 56 อยู่ที่ 3.86 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อนหน้า
ซึ่งคิดเป็น 82% ของประมาณการกำไรทั้งปี 56 ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท โดยเติบโต 17% เนื่องจากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการที่เฉลี่ย 20% จากปีก่อนหน้า ซึ่งดีกว่าสมมติฐานการเติบโต 15% ของฝ่ายวิจัย ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 56 เพิ่มขึ้น 2% เป็น 4.8 หมื่นล้านบาท โดยเติบโต 20% จากปีก่อนหน้า
สำหรับสิ้นเดือนส.ค. 56 ธนาคารมียอดสินเชื่อสุทธิ 1.61 ล้านล้านบาท เติบโต 8.1% จากปลายปี 55 โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์แผ่วลงมากตามคาด แต่ผู้บริหารยังคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 12-15% ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้อย่างน้อย 12% ด้านคุณภาพของสินทรัพย์ยังดี
ส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อบุคคล ซึ่งได้รับชดเชยด้วยอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นทำให้ยังสามารถรักษาระดับ NIM ได้ตามเป้าที่ 3.1–3.2% แม้ต้องแข่งขันระดมเงินฝากทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น โดยธนาคารยังคงรักษาระดับสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมได้ตามเป้าที่ระดับไม่เกิน 2% ได้
อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับมาใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 57 ที่ 233 บาทต่อหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานของ SCB ที่ยังแข็งแกร่ง ซึ่งเชื่อว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกลยุทธ์การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มสินเชื่อผู้ประกอบการ SME และสินเชื่อรายย่อยที่สนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อ และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
โดยได้ปรับมาใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 57 ซึ่งอิง Prospect P/BV ที่ระดับ 2.6 เท่า และ Ke 10.8% โดยได้เท่ากับ 233 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคาปิดล่าสุด จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มองว่า จากการประชุมกับ SCB วันศุกร์ที่ 4 ต.ค. ธนาคารมีมุมมองต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 3/56 ที่ความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ชะลอตัว และสินเชื่อปี 56 เติบโตระดับ low end ของเป้าหมายทั้งปี 56 ที่ 12-15% จากปีก่อนหน้า
โดยธนาคารมองว่าหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นจะกระทบกำลังซื้อ และเพิ่มความเสี่ยงคุณภาพสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งไม่ใช่ฐานลูกค้าของ SCB ทำให้ธนาคารไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง และธนาคารคาดว่าหนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้เป็นตามเป้าหมายที่ 2% และตั้งเป้าหมายการสำรองหนี้ที่ 65 bps ของสินเชื่อรวม
ประกอบกับธนาคารคาดสินเชื่อต่อเงินฝากในไตรมาส 3/56 จะอยู่ที่ 94-96% โดยมองว่าธนาคารไทยยังไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง ซึ่งธนาคารไทยมีสภาพคล่องสูงเป็นลำดับต้นในภูมิภาค โดยคงเป้าหมายส่วนต่างของอัตราสินเชื่อในปี 56 อยู่ที่ 3.1-3.2% และ ในปี 57 น่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับในปีนี้
นอกจากนี้ SCB จะรายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/56 ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิขยายตัว รายได้จากธุรกรรมเพื่อการค้าสูงขึ้น และรายได้จากธุรกิจประกันชีวิตเพิ่มขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น