FVCเทรดวันแรก
ลุ้นวิ่งเกิน2บาท
พื้นฐานหุ้นแกร่ง
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2556 ผู้เข้าชม : 5 คน
"FVC" เทรดวันนี้ราคาวิ่งเกิน 2 บาท สูงกว่าไอพีโอ 1.20 บาท วงการเงินชี้พื้นฐานธุรกิจแกร่ง ราคาเสนอขายไม่สูง แถมมีปริมาณหุ้นไอพีโอน้อย ช่วยหนุนราคาเพิ่มขึ้นทะลัก
แหล่งข่าวจากวงการเงิน ประเมินว่า ราคาหุ้นของบริษัท ฟิลเตอร์ วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FVC ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นครั้งแรกในวันนี้ (29 ต.ค.) จะมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเกินระดับ 2 บาท สูงกว่าราคาเสนอขายไอพีโอที่ 1.20 บาท
สำหรับสาเหตุที่ผลักดันให้หุ้น FVC ปรับเพิ่มขึ้นได้เป็นเพราะราคาเสนอขายไอพีโอต่อหุ้น และมีปริมาณขายหุ้นไอพีโออยู่ในระดับไม่สูงมากนัก จึงน่าจะส่งผลให้หุ้น FVC ได้รับแรงซื้อขายหุ้นจากทางนักลงทุนเข้ามาเป็นจำนวนหนาแน่นเหมือนเช่นหุ้นไอพีโอบริษัทอื่นที่เข้าจดทะเบียนในช่วงที่ผ่านมา
“หุ้น FVC มีราคาขายและปริมาณหุ้นไอพีโอไม่เยอะมากนัก จึงน่าจะส่งผลให้ช่วงวันแรกของการซื้อขายหุ้นจะมีนักลงทุนเข้าเทรดหุ้น FVC กันเป็นจำนวนมาก และผลักดันให้ราคาหุ้น FVC ในกระดานสามารถปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาขายหุ้นไอพีโอ” แหล่งข่าวจากวงการเงิน กล่าว
ด้านนางสาวปวีณา ศรีโพธิ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สำหรับ FVC ที่จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันนี้ ถือเป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์
นอกจากนี้ FVC ยังดำเนินการออกแบบ ประกอบติดตั้ง และให้บริการบำรุงรักษา โดยบริษัทมีลูกค้าหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเพื่อการพาณิชย์และที่พักอาศัย เช่น ร้านอาหารและเครื่องดื่มแฟรนไชส์ ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น กลุ่มอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ และกลุ่มธุรกิจให้บริการทางการแพทย์
โดย FVC มีทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 140.8 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 59.2 ล้านหุ้น โดยเสนอขายไอพีโอในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. และ วันที่ 21 ต.ค. ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 70.39 ล้านบาท ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ขณะที่ดร.วิจิตร เตชะเกษม กรรมการผู้จัดการ FVC เปิดเผยว่า สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจให้มีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ FVC มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวเตชะเกษม ถือหุ้น 54.62% นายศิริพงศ์ ว่องวุฒิพรชัย ถือหุ้น 7.15% และนายธนพรรจน์ ตันติวัฒนวิจิตร ถือหุ้น 4.07% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 16.61 เท่า
โดยคำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (ไตรมาสที่ 3 ปี 2555–ไตรมาสที่ 2 ของปี 2556) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.07 บาท ส่วนนโยบายการปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ ทางผู้บริหารของ FVC ได้กล่าวในช่วงที่ผ่านมาว่า ทางบริษัทได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยทางกลุ่มเตชะเกษม ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมจะไม่นำหุ้นในส่วนที่ติด Silent Period ออกมาขายเป็นระยะเวลา 6 เดือน ดังนั้น กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะไม่นำหุ้นของบริษัทออกขายในวันแรกที่หุ้นเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai อย่างแน่นอน
ส่วนนายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยความเชื่อมั่นว่า หุ้น FVC จะยืนเหนือราคาจองซื้อที่ 1.20 บาทได้ หลังจากในช่วงเปิดขายหุ้นมีกระแสตอบรับจากทางนักลงทุนดีเกินคาด เนื่องจากกำหนดราคาไอพีโออยู่ในระดับน่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E ที่ 11 เท่า รวมถึง FVC ยังเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี และมีกลุ่มลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่มีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น