ไออาร์พีซีQ3พลิกกำไร
สต๊อกเกน3.5เหรียญฯ
ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 ผู้เข้าชม : 8 คน
"IRPC" ลุ้นไตรมาส 3 พลิกโชว์กำไร 1,000 ล้านบาท บันทึกกำไรสต๊อกน้ำมันทะลัก 3.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท โบรกฯเชื่อภาพรวมปี 56 พลิกกำไรสุทธิแน่ แนะซื้อราคาเป้าหมาย 4.01 บาท
แหล่งข่าวจากวงการเงิน ประเมินว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/56 ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ทยอยเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ IRPC สามารถกลับมาบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมันประมาณ 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่ทิศทางธุรกิจของกลุ่มปิโตรเคมียังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเช่นกัน ทั้งในส่วนของสายโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ ประกอบกับในช่วงไตรมาส 3/56 ยังถือเป็นช่วงที่ IRPC ได้เดินเครื่องผลิตส่วนต่อขยายกำลังการผลิตของ ABS และ EBSM ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทในงวดครึ่งปีหลัง
“ไตรมาส 3 ผลการดำเนินงานของ IRPC จะกลับมาดีขึ้นกว่าไตรมาส 2 เพราะจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ได้ส่งผลบวกให้ IRPC กลับมาบันทึกกำไรสต๊อกเกนได้อีกครั้ง หลังจากในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ต้องบันทึกสต๊อกลอสน้ำมัน” แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา IRPC มีผลขาดทุนสุทธิรวม 1,158 ล้านบาท โดยมีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม Oil Hedging และ LCM จำนวน 496 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกมีขาดทุนสุทธิ 1,005 ล้านบาท ส่วนภาพรวมทั้งปี 2555 ทาง IRPC มีขาดทุนสุทธิ 958 ล้านบาท
ขณะที่บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สำหรับงบไตรมาส 3/56 ของ IRPC จะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 1.07 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากกำไรสต๊อกน้ำมันที่สูงถึง 3.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือคิดเป็นมูลค่า 1.7 พันล้านบาท หลังจากราคาน้ำมันดิบ ณ สิ้นไตรมาส 3/56 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ IRPC ยังมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนลดลงเหลือ 63 ล้านบาท หลังจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หากหักรายการพิเศษทั้ง 2 รายการ ในแง่ผลการดำเนินงานปกติในไตรมาส 3/56 จะยังเห็นผลขาดทุนประมาณ 562 ล้านบาท ปรับลดลงจากงวดก่อนหน้าที่มีกำไร 97 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานปกติที่ขาดทุน เป็นผลมาจากค่าการกลั่นตลาด (MARKET GRM) จะปรับตัวลดลง 25% มาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ2.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตามทิศทางส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปก๊าซโซลีน และน้ำมันเตาที่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บวกกับต้นทุนน้ำมันดิบส่วนเพิ่ม (Crude Premium) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ส่วนสเปรดของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีโดยเฉลี่ยจะปรับตัวลดลงราว 11.4% จากไตรมาส 2 มาอยู่ประมาณ 3.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตามทิศทางสเปรดผลิตภัณฑ์หลัก HDPE และ PP (สัดส่วนกว่า 50% ของกำลังการผลิตรวม) ที่ปรับตัวลดลงราว 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ประกอบกับในงวดไตรมาส 3/56 มีการชัทดาวน์หน่วยผลิตสไตรีน (EBSM) ของโรงงานสไตรินิกส์เพื่อเชื่อมต่อโรงงานส่วนขยายตามแผนเป็นระยะเวลา 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม กำไรจากการดำเนินงานปกติในงวดไตรมาส 4 ปีนี้ น่าจะพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรเล็กน้อยได้ ตามทิศทางค่าการกลั่นที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามผลของฤดูกาล ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวในหลายทวีปทั่วโลก ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปโดยเฉพาะดีเซลและน้ำมันเตาปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังคาดหวังได้กับการบันทึกกำไรจากการทำ Hedging ซึ่งในงวดไตรมาส 4 ได้ทำไว้ในสัดส่วนค่อนข้างสูงราว 50% ของกำลังการผลิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตา รวมถึงคาดมีบันทึกกำไรจากการขายที่ดินราว 150 ล้านบาท รวมถึงค่าเช่าแท็งก์เก็บน้ำมันอีกราว 30 ล้านบาท ส่งผลให้แนวโน้มงบในปี 2556 น่าจะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิได้ที่ระดับ 1,240 ล้านบาท กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ให้เน้นเข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว กำหนดราคาพื้นฐาน ณ สิ้นปีนี้ที่ระดับ 4.01 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น