วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

TOPแจ้งงบQ3 พลิกกำไรสุทธิ 7.6พันล้านบาท ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 01 พฤศจิกายน 2556

TOPแจ้งงบQ3
พลิกกำไรสุทธิ
7.6พันล้านบาท

ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 01 พฤศจิกายน 2556 
ผู้เข้าชม : 7 คน 

"ไทยออยล์" แจ้งงบไตรมาส 3 พลิกโชว์กำไรสุทธิ 7,608 ล้านบาท บุ๊คกำไรสต๊อกน้ำมัน 3,342 ล้านบาท ดันงวด 9 เดือนแรกกำไรพุ่ง 10,407 ล้านบาท ฟาก PTT กางแผนลงทุน 5 ปี ทุ่ม2,800 ล้านบาทขยายสถานีน้ำมันในต่างประเทศ
นางนิธิมา เทพวนังกูร  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่-ด้านการเงินและบัญชี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/56 ทางบริษัทมีกำไรสุทธิรวม 7,608 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 2/56 ที่มีขาดทุนสุทธิ 1,564 ล้านบาท และปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,072 ล้านบาท ส่วนภาพรวมงวด 9 เดือนแรกปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 10,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,394 ล้านบาท
สำหรับในไตรมาส 3/56 ทางบริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตรวมของกลุ่ม (GIM) แบบรวมผลของสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 11.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่าไตรมาส 2/56 ที่ได้ 4.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่จะลดลงจากงวดปีก่อนที่ได้ 13.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนภาพรวมงวด 9 เดือนแรกปี 56 มี GIM รวมทั้งสิ้น 8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่างวดปีก่อนที่ได้ 7.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
นางนิธิมา เปิดเผยอีกว่า ในไตรมาส 3/56 เครือไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 108,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากธุรกิจโรงกลั่น ผลิตสารอะโรเมติกส์ และนํ้ามันหล่อลื่นพื้นฐานเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคานํ้ามันสำเร็จรูป ราคาสารพาราไซลีน และนํ้ามันหล่อลื่นพื้นฐานสูงขึ้นเช่นกัน
โดยมีส่วนต่างราคานํ้ามันดีเซล และนํ้ามันเชื้อเพลิงเครื่องบิน/นํ้ามันก๊าดกับราคานํ้ามันดิบปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากโรงกลั่นบางแห่งปิดซ่อมบำรุงกะทันหัน และความต้องการใช้นํ้ามันที่สูงขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยวของยุโรป รวมถึงส่วนต่างราคาสารพาราไซลีน และ ULG 95 เพิ่มขึ้น จากการที่ผู้ผลิตพีทีเอหลายแห่งในจีนที่คงกำลังการผลิตในระดับสูง
ขณะที่ธุรกิจนํ้ามันหล่อลื่นพื้นฐานมีส่วนต่างผลิตภัณฑ์ดีขึ้นเนื่องจากจีนนำเข้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามัน 7.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นอีก 2.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยนํ้ามันดิบดูไบ ณ สิ้นไตรมาส 3/56 ยังสูงขึ้น 8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้บริษัทมีกำไรสต๊อกนํ้ามัน 3,342 ล้านบาท และมีกำไรจากอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิ 432 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 56 แม้เครือไทยออยล์จะมีรายได้จากการขายปรับลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน แต่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบโรงกลั่นและธุรกิจผลิตสารอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้มี GIM รวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามันเพิ่มขึ้น 0.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยมีผลกำไรจากสต๊อกนํ้ามัน 1,378 ล้านบาท และมีกำไรจากอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิเพิ่มขึ้น 346 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA รวม 9 เดือนแรกทำได้ 18,104 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ได้ 15,937 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 10,407 ล้านบาท
ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดพาณิชย์ และต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้เตรียมเพิ่มงบลงทุนสถานีบริการน้ำมันในย่านอาเซียนช่วง 5 ปี (ปี 2556-2560) เพิ่มเป็นระดับ 2.8 พันล้านบาท สูงกว่าเดิมที่กำหนดไว้ 2.4 พันล้านบาท
โดย PTT จะขยายสถานีบริการน้ำมันของบริษัทในประเทศฟิลิปปินส์ สปป.ลาว และกัมพูชา เพิ่มเป็นจำนวน 300 แห่ง สูงกว่าปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 105 แห่ง อีกทั้ง จะสามารถช่วยเพิ่มรายได้สู่ระดับไม่ต่ำกว่า 7.5 หมื่นล้านบาทต่อปี สูงกว่าในงวดปีนี้ที่ทำได้ 6 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม งบลงทุนขยายสถานีน้ำมันดังกล่าว ยังไม่รวมในส่วนของการลงทุนในประเทศพม่า เพราะถึงแม้จะมีการเปิดสถานีบริการน้ำมันบางแห่งไปแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนทาง ด้านกฎหมาย ทำให้การขยายสถานีบริการน้ำมันยังไม่มากนัก ซึ่งทางบริษัทได้ตั้งเป้าหมายจะลงทุนสถานีบริการน้ำมันในพม่าทั้งหมดประมาณ 50 แห่ง
ดังนั้น การลงทุนทำสถานีบริการน้ำมัน ทางบริษัทจะมุ่งในไปสู่กลุ่มประเทศที่เริ่มลงทุนแล้ว ส่วนประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ยังคงต้องติดตามดูเรื่องกฎหมายและการแข่งขันในตลาด นอกจากนี้ ทางบริษัทยังอยู่ในระหว่างการยื่นขอจัดตั้งคลังน้ำมันในย่างกุ้งของประเทศพม่าอีกด้วย โดยหากได้รับการอนุมัติแล้วคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.3 พันล้านบาท รวมถึงยังได้ยื่นข้อเสนอปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันเก่าใกล้ย่างกุ้งด้วย ซึ่งต้องรอรัฐบาลพม่าพิจารณาคัดเลือกต่อไปเช่นเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น