Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง ...
28 ตุลาคม 2556



ชื่อ:  กาแฟยามเช้า1.PNG
ครั้ง: 67
ขนาด:  92.6 กิโลไบต์

General News
----------------


• ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือน ต.ค.ลดลงเล็กน้อยสู่ 107.4 จาก 107.7 ในเดือน ก.ย. จากความไม่ชัดเจนของการเมืองในประเทศหลังจากที่ยังจัดตั้งรัฐบาลผสมไม่ได้ แม้จะผ่านการเลือกตั้งมา 1 เดือนแล้วก็ตาม (สถาบัน Ifo)

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือน ต.ค.ลดลงต่ำสุดในรอบ 10 เดือนไปอยู่ที่ 73.2 จาก 77.5 ในเดือน ก.ย. เพราะการปิดทำการชั่วคราวของหน่วยงานรัฐบาลทำให้ชาวอเมริกันมีมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น แม้ว่าความมั่งคั่งของครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นจากราคาหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม (รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน)

• ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐเดือน ก.ย. ขยายตัว 3.7% จากยอดสั่งซื้อเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นจนช่วยชดเชยสินค้าทุนที่ลดลง ซึ่งหากไม่รวมเครื่องบินแล้วจะชะลอตัวลง 0.1% แสดงว่าการลงทุนภาคเอกชนอาจไม่สามารถสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในไตรมาส 4

• FED กำหนดให้ ธ. พาณิชย์ในประเทศที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ขึ้นไปจะต้องเพิ่มการถือเงินสดและสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เพื่อรับมือในกรณีสภาพคล่องตึงตัวหรือเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ

• กำไรภาคอุตสาหกรรมจีนใน 3 ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลง ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณบ่งชี้การขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจจีน (สนง. สถิติแห่งชาติจีน)

• ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของญี่ปุ่นเดือน ก.ย.ขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี โดยเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบปีก่อน จากมาตรการของรัฐบาลและ ธ.กลางที่เริ่มส่งผลบวก และทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นใกล้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด

• GDP ไตรมาส 3 ของเกาหลีใต้ขยายตัว 1.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และ 3.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขยายตัวสูงสุดนับแต่ปี 2554 จากการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภายในที่ปรับตัวดีขึ้น ถึงแม้การส่งออกจะชะลอตัวจากผลกระทบการแข็งค่าขึ้นของเงินวอน

• รัฐบาลมาเลเซียเพิ่มเป้าหมายการขยายตัวเศรษฐกิจปีหน้าเป็น 5.5% จากเดิม 5.0% และจะเดินหน้าลดการขาดดุลงบประมาณให้เหลือเพียง 3.5% ของ GDP โดยภาครัฐจะค่อยๆ ให้เงินอุดหนุนอย่างสมเหตุสมผล โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาสเป็นหลัก

• ยอดนำเข้าของฟิลิปปินส์เดือน ส.ค. ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบรายปีไปอยู่ที่ 5.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการนำเข้าแร่เชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น และวัตถุดิบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

• ธปท. ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงเหลือ 3.7% และ 4.8% ในปีหน้า จากเดิมที่ 4.2% และ 5.0% เนื่องจากการบริโภคเอกชนชะลอตัวลงนานกว่าที่คาด ในขณะที่ภาครัฐเบิกจ่ายงบประมาณน้อยกว่าคาด รวมไปถึงการส่งออกที่ฟื้นตัวช้า แต่มีมุมมองเชิงบวกว่าการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ดีกว่าคาด ด้วยภาวะการเงินยังผ่อนคลาย ประกอบกับภาคธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องเพื่อทดแทนการขาดแคลนแรงงาน

• ธปท.ลดประมาณการส่งออกของไทยปีนี้เหลือขยายตัว 1% จากเดิม 4% และลดปีหน้าเหลือ 7% จากเดิม 8% เนื่องจากการส่งออกของไทยยังไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว เพราะไม่ได้เน้นการส่งออกสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก

• การส่งออกของไทยในเดือน ก.ย.ลดลง 7.09% นำเข้าลดลง 5.23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 0.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกยังคงไม่แน่นอน ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ก. พาณิชย์ได้ลดเป้าส่งออกในปีนี้ลงเหลือ 3.0%-4.0% แล้ว จากเดิมที่คาดว่าจะเป็น 4.0%-4.5%

Equity Market
---------------



ล้านบาท
---------


นักลงทุนสถาบัน -89.17
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -107.27
นักลงทุนต่างชาติ -134.41
นักลงทุนทั่วไป +330.85

• SET Index ปิดที่ 1,454.88 จุด ลดลง 11.44 จุด (-0.78%) ด้วยมูลค่าซื้อขายค่อนข้างเบาบางที่ 28,305 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีแกว่งตัวอยู่ในแดนลบทั้งวัน โดยถูกกดดันจากปัจจัยด้านการเมืองภายในประเทศ ทั้งเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวาระที่ 2 และ 3 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6-7 พ.ย. รวมไปถึงเรื่องเขาพระวิหาร สำหรับปัจจัยที่ควรติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การเมืองภายในประเทศ การประชุม FOMC และการทยอยประกาศผลกำไรในไตรมาส 3 ของ บ.จดทะเบียน

• ผลประกอบการไตรมาส 3 ของซัมซุง อิเล็คทรอนิคส์ แตะระดับสูงสุดรายไตรมาสที่ 10.16 ล้านล้านวอน จากยอดขายที่สดใสในทั่วโลกของสมาร์ทโฟนรุ่นกาแล็กซี่

• ทวิตเตอร์ เตรียมเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก (IPO) มูลค่า 17-20 ดอลล่าร์ต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ โดยจะทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ภายในช่วง 3 สัปดาห์นี้

Fixed Income Market
------------------------



• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลค่อข้างคงที่ในทุกช่วงอายุของตราสาร สำหรับวันนี้มีการประมูลตั๋วเงินคลังอายุ 1 เดือน มูลค่า 25,000 ล้านบาท

• ธ.กลางจีน (PBOC) เปิดตัวอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ loan prime rate ที่กำหนดจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีของ ธ.พาณิชย์ 9 แห่ง เพื่อเป็นแนวทางให้กับ ธ.พาณิชย์ต่างๆในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจากเดิมที่ ธ.กลางเป็นผู้กำหนด ซึ่งนับเป็นการปูทางสู่การทำให้อัตราดอกเบี้ยเคลื่อนไหวอย่างเสรีตามกลไกตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไป

Guru Corner
--------------



• Ed Hyman ประธาน ISI Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัททางการเงินที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ระบุว่า ....

มีความเป็นไปได้ถึง 60% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาขยายตัวได้ภายใน 6 สัปดาห์ต่อจากนี้ หลังจากการปิดทำการชั่วคราวของหน่วยงานรัฐบาลได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจสหรัฐ โดยสะท้อนผ่านข้อมูลทางเศรษฐกิจที่จัดทำโดยภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของ Markit ที่ส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวของภาคการผลิตในสหรัฐเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน ก.ย. 2552 หรือดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ปรับตัวลงอย่างมาก

แต่สิ่งที่น่ากลัวคือยังคงมีโอกาสอีก 40% ที่การขยายตัวจะไม่เกิดขึ้น โดยหากเกิดกรณีนี้ขึ้น อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐจะคงที่ ณ ระดับประมาณ 2% และกำไรของ บ.จดทะเบียนใน S&P น่าจะเพิ่มขึ้นได้ 4% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และ P/E จะอยู่ที่ 18 เท่า

ซึ่งถ้าการเติบโตเป็นไปอย่างเชื่องช้า ภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำ จะส่งผลให้ FED ยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าสหรัฐจะประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจอีกครั้ง