‘รังสรรค์’ฟันธงทีเอ็มบี
ปีนี้กำไรกว่า6พันล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2556 ผู้เข้าชม : 8 คน
ประธานบอร์ดแบงก์ทหารไทย (TMB) ลั่นสิ้นปีนี้กำไรสวย หรืออาจถึง 6 พันล้าน ส่วนสินเชื่อจะเติบโตได้ดี ขณะที่วาระการขายหุ้นของไอเอ็นจี ในการประชุมบอร์ดวานนี้ ยังไม่ได้นำเข้า เหตุเป็นสิทธิของตัวแทนไอเอ็นจี
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ประธานกรรมการธนาคารทหารไทย หรือ TMB กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการธนาคารทหารไทย เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 56 ว่า วาระเรื่องการซื้อขายหุ้น TMB ในส่วนของไอเอ็นจี กรุ๊ป 31% นั้น ยังไม่มีวาระนี้ในการประชุมคณะกรรมการธนาคาร โดยเรื่องนี้เป็นสิทธิของไอเอ็นจีจะเป็นผู้พิจารณา
นอกจากนี้ ยังมีการรับทราบถึงผลประกอบการที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก โดยธนาคารตั้งเป้าหมายกำไรภายในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 5-6 พันล้านบาท ซึ่งภายหลังจากการตั้งสำรองด้วยแล้ว โดยไตรมาส 2/56 ธนาคารตั้งสำรองพิเศษ (Countercyclical Buffer) เป็นจำนวน 4,143 ล้านบาท ซึ่งรองรับความผันผวนจากเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยไม่ได้เป็นการตั้งสำรองเพราะหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอลที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ การตั้งสำรองที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นการสร้างความแข็งแกร่งด้านงบดุลของธนาคาร และการตั้งรับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจของโลก และ ของไทยในช่วงที่เหลือของปี โดยในไตรมาส 3 ธนาคารก็ได้ตั้งสำรองหนี้สูญอีกจำนวน 1,195 ล้านบาท
“กำไรปีนี้เห็น 5-6 พันล้านบาทแน่นอน นี่ขนาดตั้งสำรองไปเยอะแล้ว ซึ่งถ้าไม่ตั้งกำไรจะสูงกว่านี้ โดยถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ” นายรังสรรค์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ TMB กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ที่ผ่านมา สินเชื่อของธนาคารขยายตัวในระดับ 5% ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่หลายๆ แรงขับเคลื่อนชะลอตัว โดยเฉพาะการอุปโภคบริโภค และการส่งออกที่ชะลอตัว ซึ่งคาดว่าปลายปีนี้สินเชื่อจะขยายตัวได้ 8% ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 10%
"ถึงแม้สินเชื่อจะไม่เป็นไปตามเป้า แต่กำไรน่าจะเป็นไปได้ตามเป้าที่วางไว้แน่นอนแล้ว ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันในระดับ 3% ก็เกินกว่าเป้าเดิมตั้งเป้าไว้ 2.9% เนื่องจากต้นทุนเงินฝาก และผลตอบแทนดีขึ้น" นายบุญทักษ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีกำไรจำนวน 3,800 ล้านบาท โดยก่อนการตั้งสำรองมีกำไรอยู่ที่ราว 10,000 ล้านบาท ซึ่งทางธนาคารมีการตั้งสำรองมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของระบบ ในขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงมาอยู่ที่ 3.75% เนื่องจากเอ็นพีแอลเดิมของธนาคารมีค่อนข้างมากจาก 100,000 ล้านบาท
โดยขณะนี้เอ็นพีแอลเหลือ 22,000 ล้านบาท ซึ่งอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 8.9% โดยในไตรมาส 3 สูงถึง 12% และธนาคารตั้งเป้าที่จะให้ ROE อยู่ที่ 14% ในปี 2557 ซึ่งจะทำให้มีทุนเพียงพอในการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนพอร์ตสินเชื่อในปัจจุบันแบ่งออกเป็นสินเชื่อขนาดใหญ่ 47% สินเชื่อขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) 35% และสินเชื่อบุคคล 18% ซึ่งในระยะต่อไปทางธนาคารมีแผนจะขยายสินเชื่อเอสเอ็มอีให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะปรับสัดส่วนเป็นสินเชื่อเอสเอ็มอี 50% สินเชื่อรายใหญ่ 30% และสินเชื่อบุคคล 20% เนื่องจากที่ผ่านมาธุรกิจเอสเอ็มอีมีการเติบโตค่อนข้างดี และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารเองก็ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายออกมารองรับ และมีผลตอบแทนในระดับดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น