วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

‘หม่อมอุ๋ย’ส่งหมายให้นายกฯ การเมือง วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2556

‘หม่อมอุ๋ย’ส่งหมายให้นายกฯ

การเมือง วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 17 คน 

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะทำงานโครงการเตรียมงานรำลึก 100 ปีชาตกาล อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้จัดประชุมสัมมนาใหญ่ประจำปี 2556 หัวเรื่อง “มหากาพย์จำนำข้าว สู่มหกรรมกอบกู้สุจริต” โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการการะทรวงคลัง ได้กล่าวปาฐกถาหัวข้อ "จำนำข้าวเสียหายใหญ่หลวง ใครได้ประโยชน์"

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีขอให้ปรับวิธีช่วยเหลือชาวนา โดยจ่ายเงินส่วนต่างจากราคาตลาดตันละ 2,500 บาท เข้าบัญชีของชาวนาโดยตรง เพราะโครงการรับจำนำข้าวตันละ 15,000 บาท เป็นโครงการที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สาเหตุมาจากเมื่อรับจำนำเข้าแล้ว แต่ราคาข้าวในตลาดโลกกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่รัฐบาลตั้งใจ ประกอบกับมีข้าวออกมาปริมาณมาก ยิ่งกดดันให้ราคาตลาดยิ่งลดต่ำลงไปอีก
ขณะเดียวกันมีกลุ่มคนที่คอยหาผลประโยชน์จากการระบายข้าว ส่งผลให้เกิดภาระขาดทุนมหาศาล ซึ่งตัวเลขขาดทุนที่คำนวณโดยคณะทำงานปิดบัญชีซึ่งตั้งขึ้นโดยรัฐบาลชุดนี้ พบว่าในฤดูกาลผลิต 2554/55 มีภาระขาดทุนสูงถึงกว่า 2 แสนล้านบาท ไม่รวมข้าวในสต๊อกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานแล้วว่า มีข้าวหายไปจากสต๊อกปริมาณกว่า 1 ล้านตัน แต่กลับยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
"ไม่ทราบว่ารายงานเรื่องข้าวหายไปค้างอยู่บนโต๊ะใคร หากคำนวณรวมความเสียหายจากการเล่นแร่แปรธาตุของกลุ่มที่คอยหาผลประโยชน์ มูลค่าความเสียหายในโครงการจำนำข้าวตลอด 2 ปีการผลิต 2554/55 และ 2555/56 จะสูงถึง 4.25 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ชาวนาได้รับประโยชน์เพียง 2.1 แสนล้านบาท ที่เหลือไปตกอยู่ในกลุ่มผลประโยชน์" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า เพื่อหยุดความเสียหายให้มากไปกว่านี้ จึงทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ แต่หากนายกฯยังนิ่งเฉยเท่ากับว่ายังเชื่อบุคคลที่อยู่รอบข้าง  ยินยอมให้โครงการดำเนินต่อไปเป็นปีที่ 3 ปล่อยให้มีการบริหารงานที่เสียหายต่องบประมาณแผ่นดินจำนวนสูงทั้งที่รู้อยู่ แล้วว่ามีความเสียหายเกิดขึ้น
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลถึงเวลาที่ควรมีการทบทวน เนื่องจากที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่สามารถจัดการกับความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะการทุจริต และการดูแลรักษาข้าวในสต๊อก รวมทั้งการนำข้าวที่รับจำนำมารวมไว้ที่จุดศูนย์กลางยังยากต่อการบริหาร จัดการ และใช้งบประมาณจำนวนมาก
ซึ่งอาจกระทบต่อฐานะทางการคลังในอนาคตด้วย ส่วนตัวมองว่าแนวทางที่เหมาะสมต่อการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน นั้นควรนำแนวคิดของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรมาใช้ โดยใช้รูปแบบในการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรโดยตรงผ่านบัญชีของธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แทนการรับจำนำข้าวที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณของภาครัฐ โดยไม่กระทบต่อฐานะการคลังในอนาคตด้วย อีกทั้งการซื้อขายข้าวจะเป็นไปตามกลไกตลาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น