เฟดจะลดโครงการซื้อพันธบัตรเมื่อไหร่?
รายงานพิเศษ วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2556 ผู้เข้าชม : 11 คน
การปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐอาจจะยุติลงแล้ว แต่ละครเรื่องยาวเกี่ยวกับว่า เมื่อไหร่ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มลดโครงการซื้อพันธบัตรที่มีมูลค่า 85,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน อาจจะกินเวลานานกว่านั้นในขณะนี้
แค่สองสามเดือนก่อนนี้เท่านั้นที่ดูเหมือนว่าธนาคารกลางสหรัฐกำลังจะเริ่มลดโครงการนี้ภายในเดือนกันยายนเพื่อตอบโต้ต่อภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ในขณะนี้ไม่ชัดเจนเสียแล้วว่าเมื่อไหร่ที่เฟดจะเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก
ธนาคารกลางสหรัฐไม่น่าจะเริ่มหยุดซื้อพันธบัตรในการประชุมนโยบายครั้งต่อไปในวันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ เจ้าหน้าที่ของเฟดหลายคนได้กล่าวว่า การตัดสินใจลดหรือไม่ลดจะขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลเศรษฐกิจจะพัฒนาไปอย่างไร
อย่างไรก็ดี ข้อมูลจะไม่ให้ความกระจ่างไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน เพราะว่าการปิดหน่วยงานบางส่วนของสหรัฐได้ปิดหน่วยงานที่รวบรวมข้อมูลไปด้วย
ริชาร์ด ฟิเชอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐในดัลลัส ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า สำหรับคนที่พิจารณาข้อมูลอย่างแท้จริง จะต้องชะลอความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายออกไป แม้ฟิเชอร์ไม่คิดว่าโครงการซื้อพันธบัตรกำลังได้ผลมาก ดังนั้น จึงพร้อมที่จะยุติมัน แต่โครงสร้างเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้ น่าวิตกเกินกว่าที่จะมีการตัดสินใจใดๆ ในเดือนตุลาคมได้
“โดยส่วนตัวผมไม่สนับสนุนให้มีการดำเนินงานใดๆ ในการประชุมครั้งต่อไปเพราะมีความสับสนมากเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น” ฟิเชอร์ กล่าว
อย่างไรก็ดี เอสเธอร์ จอร์จ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐแคนซัส ซิตี้ ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่คัดค้านโครงการซื้อพันธบัตรอย่างแข็งแกร่ง ได้กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องข้อมูล เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังคงสามารถจับตาและตัดสินต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจได้ เฟดไม่สามารถใช้การเลื่อนเปิดเผยข้อมูลเป็นข้ออ้างว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายเงิน
เจ้าหน้าที่ของเฟดอาจจะดำเนินการหลังการประชุม ในวันที่ 17-18 ธันวาคม หรือหลังการประชุมในวันที่ 28-29 มกราคม และการตัดสินใจของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งอาจจะอ่านได้ลำบากมากขึ้นเล็กน้อย และอาจจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนเมื่อเร็วๆ นี้
มีการเลื่อนรายงานข้อมูลสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับการจ้างงาน ยอดขายปลีก เงินเฟ้อ และที่อยู่อาศัยของเดือนกันยายน ส่วนข้อมูลของเดือนตุลาคมก็อาจจะได้รับความเสียหายเพราะผลการสำรวจของรัฐบาลต่อครัวเรือนและธุรกิจต่างๆ ไม่ได้ออกมาเร็วทันเวลา
สหรัฐจะรวบรวมตัวเลขของเดือนพฤศจิกายนได้ตามขั้นตอนปกติ แต่ก็อาจท้าทายต่อการพินิจพิเคราะห์ได้ เพราะตัวเลขต่างๆ อาจได้รับอิทธิพลจากผลกระทบของการปิดหน่วยงานได้
นักเศรษฐศาสตร์เอกชนได้ลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงไตรมาสสี่ลงครึ่งเปอร์เซ็นต์ แม้ว่าหลายๆ คนจะเห็นว่ามันจะดีขึ้นในเวลาต่อมาก็ตาม
ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์นับตั้งแต่มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พบว่ามีการประมาณการเฉลี่ยว่า การปิดหน่วยงานจะฉุดการเติบโตของสหรัฐในช่วงไตรมาสสี่ 0.3% ต่อปี และในขณะนี้คาดว่าการเติบโตในช่วงไตรมาสสี่จะอยู่ในอัตราแค่ 2.3% ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอที่จะทำให้อัตราการว่างงานลดลงได้อีก นักลงทุนกำลังคาดการณ์ว่า ผลกระทบของการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางและความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ จะทำให้เฟดเลื่อนแผนการที่จะลดโครงการซื้อพันธบัตร ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจึงอ่อนตัวลง ในขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น ส่วนราคาทองคำพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาโดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามีการคาดการณ์เช่นนั้นไว้แล้ว
ธนาคารกลางสหรัฐได้ซื้อหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลังและหลักทรัพย์จำนองเพื่อพยายามที่จะลดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวและทำให้ราคาบ้าน หุ้น และสินทรัพย์อื่นๆ สูงขึ้น เจ้าหน้าที่หลายคนเชื่อว่า โครงการนี้กำลังสนับสนุนการเติบโตด้วยการกระตุ้นให้เกิดการกู้ยืม ให้มีการใช้จ่ายและมีการลงทุน แต่จนถึงขณะนี้ ดูเหมือนว่ายังมีผลกระทบน้อย โดยอย่างเก่งที่สุด เศรษฐกิจสหรัฐจะโตประมาณ 2% ต่อปีเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ของเฟดหลายคนไม่สบายใจกับแนวคิดที่จะคงโครงการนี้ไว้ไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาเชื่อว่าความเสี่ยงของโครงการนี้เพิ่มมากขึ้นเมื่อเฟดถือพันธบัตรมากขึ้น และเชื่อว่าประโยชน์ต่างๆ ก็จะน้อยลง
ก่อนที่จะมีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลาง เจ้าหน้าที่หลายคนคาดการณ์ว่า การเติบโตของสหรัฐจะดีขึ้นและการว่างงานจะลดลงในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งหวังว่านั่น จะเปิดทางให้พวกเขาเริ่มลดโครงการซื้อพันธบัตร แต่ในขณะนี้สงสัยว่าจะต้องปรับเป้าหมายเหล่านั้นใหม่เสียแล้ว
ยังมีปัญหาอื่นๆ อีกที่ทำให้เฟดตัดสินใจได้ลำบากในเวลาไม่กี่เดือนนี้ การต่อสู้เรื่องงบประมาณรอบใหม่ อาจส่งผลกระทบในช่วงกลางเดือนธันวาคม และกลางเดือนมกราคม ในขณะเดียวกัน เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ก็จะพ้นวาระจากตำแหน่งประธานกลางสหรัฐในวันที่ 31 มกราคม
เบอร์นันเก้ และ เจเน็ต เยลเล็น รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ น่าจะมองหาการเปลี่ยนแปลงที่มีความราบรื่น แต่แผนการของเยลเล็น อาจจะแตกต่างจากของเบอร์นันเก้ และเยลเล็นมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้สนับสนุนความพยายามที่จะกระตุ้นการเติบโตของเฟด
อีริค ลาสเซลเลส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัท อาร์บีซี โกลบัล แอสเซ็ต แมเนจเมนต์ กล่าวว่า เดือนตุลาคมกำลังจะหมดไป และดูเหมือนว่าไม่น่าจะเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการลดโครงการซื้อพันธบัตรในเดือนธันวาคม โดยคิดว่าน่าจะมีการถกเถียงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายระหว่างเดือนมกราคมกับเดือนมีนาคม
ไมเคิล เฟโรลี นักเศรษฐศาสตร์บริษัทเจพีมอร์แกน ก็กล่าวว่า เฟดจะไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงนโยบายจนกว่าจะถึงเดือนมีนาคม เพราะเดือนมีนาคมจะเป็นโอกาสครั้งแรกที่จะได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจอย่างเต็มที่
--------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น