วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

KKPผลตอบแทนสูงสุด ไตรมาส3กำไรโต27% ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 03 ตุลาคม 2556

KKPผลตอบแทนสูงสุด
ไตรมาส3กำไรโต27%

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 03 ตุลาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 8 คน 

จับตา “เกียรตินาคิน” หรือ KKP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/56 กว่า1.18 พันล้าน เพิ่ม 27% ขณะที่ผลตอบแทนเงินปันผลกว่า 6.2% เผยราคาปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบหมดแล้ว บล.กิมเอ็งให้เป้าหมาย 70 บาท
         นายวรพล วิรุฬห์ศรี นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า KKPกำไรไตรมาส 3/56 ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 1.18 พันล้านบาท หดตัวลง 5% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังเติบโตสูง 27% จากปีก่อนหน้า โดยคาดสินเชื่อยังคงขยายตัวได้ 3% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งแม้สินเชื่อเช่าซื้อจะชะลอตัวลง แต่สินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ยังขยายตัวได้ดี
         ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิคาดหดตัวลง 21bps (basis points) จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากไตรมาสก่อนมีการรับรู้ดอกเบี้ยพิเศษจากสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยรายได้ค่าธรรมเนียมคาดหดตัวแรง เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากการ IPO หุ้น BTSGIF ระดับ 200 ล้านบาท แต่คาดกำไรจากการลงทุนจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/56
        ด้านคุณภาพสินทรัพย์คาดว่าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/56 โดยคาดจะทรงตัวที่ 3.4% ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองมีแนวโน้มที่จะลดลงในไตรมาสนี้ โดยส่งผลให้กำไรสุทธิโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี
         ภาพอุตสาหกรรมน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วรอการฟื้นตัว ซึ่งยังคงมุมมองเดิมว่าตลาดรถยนต์ในประเทศได้ลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว และ คาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า โดยราคารถยนต์ในตลาดรถมือสองเริ่มทรงตัวแล้ว ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของหนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้เริ่มชะลอตัวเมื่อเทียบ กับไตรมาส 2/56
         ส่วนแนวโน้มกำไรยังเติบโตโดดเด่น โดยหากกำไร 3/56 ออกมาใกล้เคียงกับที่คาดกำไร 9 เดือนจะคิดเป็น 78% ของประมาณการกำไรทั้งปี ซึ่งมองว่าค่อนข้างอนุรักษ์นิยมไปแล้ว โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2556 ที่ 4.6 พันล้านบาท เติบโต 36% ขณะที่ปี 2557 คาดกำไรเติบโต 20%
         โดยปัจจัยหลักที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของกำไรในปี 57 จะมาจากการค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ด้านแนวโน้มความสามารถในการทำกำไรยังคงเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของ KKP จะเร่งตัวสู่ระดับ 16.6% ในปี 58
         ราคาหุ้นน่าจะสะท้อนปัจจัยลบไปแล้วจึงแนะนำ “ซื้อ” KKP ซึ่งให้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าที่ 70.0 บาท อิง 1.58 เท่าPBV(ราคาปิดต่อมูลค่าทางบัญชี) โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/57 ราคาหุ้น KKP ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาถือว่าปรับตัวลดลงมาแรงสุดในกลุ่ม ซึ่งน่าจะสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว
        แม้ในช่วงสั้นราคาหุ้นอาจจะยังขาดปัจจัยบวกมาสนับสนุน แต่การประเมินมูลค่าอยู่ในระดับที่ถูกมาก หรือ ประมาณ 1.0 เท่าของ P/BV และ 7.9 เท่า PER และผลตอบแทน(ดิวิเดนท์ยีลด์) 6.2%
        สำหรับมุมมองการลงทุนระยะยาวยังคงชอบ KKP จากการเป็นธนาคารการลงทุนที่มีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ประเด็นความเสี่ยง คือ การฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ และ การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่รุนแรงกว่าที่คาด
         นายนายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเกียรตินาคิน(KKP) กล่าวว่า สินเชื่อของธนาคารจะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจาก และรวมทั้งการรับรู้รายได้จากธุรกิจตลาดทุนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งภาพรวมที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่สะท้อนถึงความร่วมมือทาง ธุรกิจของธนาคาร ธุรกิจตลาดทุนที่ชัดเจน และ มีการกระจายตัวของรายได้ที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 67% ในขณะที่สัดส่วนรายได้การบริการอยู่ที่ 33%
          ส่วนสินเชื่อรวมในปี 2556 จะสามารถเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 19% แม้ตัวเลขสินเชื่อรวมในช่วงครึ่งปีแรกจะมีการขยายตัวเพียง 8% แต่ธนาคารยังเชื่อว่าภาพรวมของสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังจะยังมีการเติบโตได้ค่อนข้างดี โดยอาจจะเห็นการชะลอตัวของสินเชื่อบางกลุ่ม เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นไปตามการชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น