วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วันนี้จับตา3หุ้นเด่น ได้ผลิต‘โซลาร์รูฟฯ’ ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2556

วันนี้จับตา3หุ้นเด่น
ได้ผลิต‘โซลาร์รูฟฯ’

ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 6 คน 

 วันนี้ (14 ต.ค.) ประกาศผลผู้ยื่นผลิตโซลาร์รูฟฯ จับตาหุ้นเด่น WHA-SPCG-GUNKUL มีลุ้นได้รับผลิตเต็มจำนวน ผู้บริหาร SPCG มั่นใจได้งานเกิน 80% จากที่ยื่นรวม 30-40 เมกะวัตต์ ส่วน GUNKUL เชื่อได้ผลิตเกิน 10 เมกะวัตต์
        ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีวันนี้ (14 ต.ค.) จะเริ่มมีการทยอยประกาศรายชื่อผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่ผ่านคัดเลือก โดยนางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นผลิตไฟฟ้าจาก Solar Rooftop ทั้งส่วนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ไปแล้วประมาณ 30-40 เมกะวัตต์ บริษัทน่าจะได้รับประมาณ 80% ของจำนวนที่ยื่นไป
       “วันนี้มั่นใจว่าทางภาครัฐจะประกาศผลการยื่นไฟฟ้าโครงการโซลาร์รูฟท็อป แต่คงตอบยากในความมั่นใจที่จะได้เท่าไร จากที่ยื่นไป 30-40 เมกะวัตต์ เนื่องจากขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของเอกสารของคู่ค้าที่ใช้ยื่นไปประมาณ 100 ราย อย่างไรก็ตามน่าจะผ่านได้ประมาณ 80% ของจำนวนที่ยื่นไป” นางสาววันดี กล่าว
       นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL กล่าวว่า บริษัทจะมีโอกาสได้ลุ้นรับปริมาณผลิตไฟฟ้าจาก Solar Rooftop มากกว่า 10 เมกะวัตต์ จากจำนวนรวม 100 เมกะวัตต์
       ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมา GUNKUL ร่วมกับพันธมิตรประมาณ 4-5 ราย ได้เปิดเผยรายชื่อไปแล้ว 1 ราย คือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA โดยบริษัทถือหุ้น 25% และ WHA ถือหุ้น 75% พร้อมกับจัดตั้ง 6 บริษัทย่อย คาดยื่นประมูลประมาณ 60 เมกะวัตต์ โดยหวังได้งานประมาณ 20-30 เมกะวัตต์ ถ้าหากได้งาน 30 เมกะวัตต์จะคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท และคาดรายได้จากการขายไฟฟ้าประมาณ 9-10 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์
       นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA ระบุว่า บริษัทได้คาดหวังจะได้โครงการผลิตโซลาร์รูฟท็อป ประมาณ 30-50 เมกะวัตต์ โดยบริษัทเองมีศักยภาพที่จะทำโซลาร์รูฟท็อปสูงถึง 100 เมกะวัตต์ เพราะภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีพื้นที่หลังคาคลังสินค้าเพิ่มเป็น 1,000,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันที่มีพื้นที่หลังคาคลังสินค้ารวมกว่า 800,000 ตารางเมตร
       อย่างไรก็ตามหากบริษัทสามารถประมูลได้ 30-50 เมกะวัตต์ จะใช้เงินลงทุนโครงการนี้รวมประมาณ 3,250 ล้านบาท เพราะ 1 เมกะวัตต์ จะใช้เงินลงทุน 65 ล้านบาท มาจากกระแสเงินสดบริษัท 25% อีก 75% จะมาจากการกู้สถาบันการเงิน โดย WHA จะใช้เงินสดเพื่อการลงทุน 500-600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากพันธมิตร
        นอกจากนี้ปี 2557 บริษัทมีแผนนำโซลาร์รูฟ มาจัดตั้งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) หากบริษัทประมูลได้ 30-50 เมกะวัตต์ จะนำไปจัดตั้งเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ประมาณ 20-30 เมกะวัตต์ มูลค่าประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท อีกทั้ง WHA ได้ร่วมมือกับ GUNKUL-SPCG ตั้งบริษัทย่อย 16 แห่งทำธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อีกด้วย
         นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า สำหรับ WHA-SPCG-GUNKUL ถือเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่มีโอกาสได้รับการผลิต Solar Rooftop โดยทั้ง 3 รายถือเป็นบริษัทที่มีความพร้อมและได้เตรียมการลงทุนในธุรกิจ Solar Rooftop มาล่วงหน้าแล้ว และยังถือเป็นพันธมิตรที่มีการจับมือลงทุนร่วมกันในโครงการนี้
         ทั้งนี้จากการสำรวจรายชื่อบริษัทอื่นที่ได้เข้ายื่นขอผลิตไฟฟ้าในโครงการ Solar Rooftop เช่นกัน ได้แก่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP บริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ UAC ที่ร่วมลงทุนกับบริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD นอกจากนี้ ยังมีบริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO และบริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL เป็นต้น
          นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (14 ต.ค.) จะมีการประกาศรายชื่อผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้าในโครงการ Solar Rooftop ที่ผ่านการคัดเลือก โดยขายไฟฟ้าจากการผลิตไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฯ ได้แก่ กฟน. รับซื้อ 80 เมกะวัตต์ และกฟภ.รับซื้ออีก 120 เมกะวัตต์ โดยผู้ได้รับการคัดเลือกจะต้องเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายในวันที่ 31 ธ.ค. 56 อย่างไรก็ตามมีการขยายเวลายื่นคำขอขายไฟจาก Solar Rooftop สำหรับกลุ่มบ้านอยู่อาศัยไปจนถึงช่วงวันที่ 15 พ.ย.นี้ ส่วนการยื่นขายไฟฟ้าสำหรับกลุ่มอาคารธุรกิจและโรงงานหมดเขตแล้วในช่วงวันที่ 11 ต.ค. 56 ที่ผ่านมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น