ทิสโก้ฟันธงสินเชื่อพุ่ง20%
กองทุนรวม ประกัน วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม 2556 ผู้เข้าชม : 3 คน
ธนาคารทิสโก้ (TISCO) มั่นใจสินเชื่อปีนี้เข้าวิน 15-20% ได้ หลัง 9 เดือนทำแล้ว 14% ช่วงท้ายปีเป็นจุดพีคของปี แจงรถยนต์คันแรกกลับเข้าภาวะปกติภายในสิ้นปีนี้ ส่วน NPL ทรงตัวที่ 1.5-1.6% ตั้งสำรองไปตามปกติ โบรกฯ ชูไตรมาส 4 กำไรยังสวย 1.15 พันล้านบาท
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป(TISCO) กล่าวว่า การเติบโตของสินเชื่อปีนี้จะอยู่ในช่วงกลางของเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15-20% เนื่องจาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมาสินเชื่อทำไปแล้ว 13-14% และช่วงนี้เป็น low seasonและจะกลับมาดีขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน
สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้มีโอกาสถึงระดับประมาณ 1.3 ล้านคัน เนื่องจากมีการกระตุ้นยอดขาย และคาดว่าราคารถใหม่น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ราคารถมือสองคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในกลางปีหน้า เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องสต๊อกรถจำนวนมากทำให้มีโปรโมชั่นมากระตุ้นการขาย ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นส่งผลต่อกำลังซื้อ
การปล่อยสินเชื่อรถคันแรกของธนาคารไม่ค่อยมีปัญหา และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในไตรมาส 3/56 ค่อนข้างนิ่งทำให้คาดว่า NPL สิ้นปีนี้น่าจะทรงตัวในระดับ 1.5-1.6% แม้ว่าไตรมาส 2/56 จะขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่น่ากังวล เนื่องจากการตั้งสำรองของธนาคารอยู่ในภาวะปกติ
อย่างไรก็ตาม การปล่อยสินเชื่อของธนาคารปี 2557 นางอรนุช กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าจะเติบโต 10-12% กลับเข้าสู่ภาวะปกติตามจีดีพีที่คาดว่าจะโต 4.5% โดยภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นจะมีผลต่อการใช้จ่าย แต่จะมีเรื่องการลงทุน 2.2 ล้านล้านบาท หรือภาวะเศรษฐกิจโลกถ้ามีการฟื้นตัวก็จะส่งผลดีต่อการส่งออก
ซึ่งคาดว่ายอดขายรถใหม่ในปีหน้าจะกลับเข้าสู่ระดับปกติที่ประมาณ 1.2 ล้านคัน ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวในระดับนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ลดลงยังทรงตัวอยู่ และสภาพคล่องยังมีอยู่ในตลาด
นายวรพล วิรุฬห์ศรี นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/56 จะยังทรงตัวที่ระดับ 1.10-1.15 พันล้านบาท ดังนั้น จึงเป็นไปได้ที่กำไรทั้งปี 2556 อาจดีกว่าประมาณการปัจจุบันของที่ 4.5 พันล้านบาทเล็กน้อย
ขณะที่ความเสี่ยงด้าน NPL เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นไป
“ราคารถยนต์ในตลาดมือสอง ณ ปัจจุบันเริ่มทรงตัวได้แล้ว ขณะที่ตัวเลข NPL ในไตรมาส 3/56 เริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้น่าจะช่วยตอกย้ำมุมมองที่เชื่อว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศได้ลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า”
ทั้งนี้ ราคาหุ้น TISCO ปรับตัวลงมาจนซื้อขายต่ำเพียง 7.0 เท่า และเทียบกับความสามารถในการทำกำไรที่สูงระดับ 21-22% ประกอบกับยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงระดับ 6% จึงมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบต่างๆ ไปมากแล้ว โดยในช่วงสั้นอาจจะยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุนราคาหุ้น จึงแนะนำ “ทยอยสะสม” เพื่อการลงทุนในระยะยาวและรับเงินปันผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น