AOTเป้าหมาย255บาท
คนจีนทะลักดันกำไรพุ่ง
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม 2556 ผู้เข้าชม : 7 คน
เครดิตสวิส ปรับเป้าหมายราคาหุ้น AOT ขึ้นเป็น 255 บาท หลังยอดผู้โดยสารเดือนกันยาฯ พุ่งกว่าคาด 12% ส่วนปี 2014-2016 ยอดผู้โดยสารเติบโตเฉลี่ย 4-6% หลังรับอานิสงส์จีนแก้กฎหมายเข้าไทยไม่ต้องขอวีซ่า ดันกำไรสุทธิปี 2013 พุ่ง 1.1 หมื่นล้านบาท ส่วนปี2014 เติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท แถมมีอัพไซด์ จากรายได้ค่าสัมปทานจากการมีพื้นที่สนามบินดอนเมือง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า บริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด (CS) ได้ปรับประมาณการราคาหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เป็น 255 บาทต่อหุ้น จากเดิมอยู่ที่ 225 บาท โดยให้เหตุผลว่า ยอดตัวเลขผู้โดยสารของเดือนกันยายน 2556 ที่ผ่านมามีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าที่มีการประมาณการกันไว้สูงถึง 12% ขณะที่ยอดตัวเลขผู้โดยสารในปี 2014-2016 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4-6% โดยปีที่โตสูงสุดคือปี 2015-2016
จากนี้ไปตั้งแต่ปี 2014 การเติบโตของผู้โดยสารจะมีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ AOT มีปริมาณผู้โดยสารสูงกว่าประมาณการที่เคยคาดการณ์ไว้ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการแก้กฎหมายการท่องเที่ยวของรัฐบาลจีน (Tourism law) ไม่ต้องขอวีซ่าในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำให้ AOT รับผลดีจากการแก้กฎหมายดังกล่าว
“AOT จะได้รับผลดีจากการแก้กฎหมายของรัฐบาลจีนในการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งทำให้ยอดผู้โดยสารที่เป็นชาวจีนมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และจะส่งผลต่อจำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยปรับประมาณการราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 255 บาท”
สำหรับประมาณการรายได้รวมในปี 2013 จะอยู่ที่ 36,825 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11,152 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 7.8 บาท ขณะที่รายได้รวมปี 2014 อยู่ที่ 42,180 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13,905 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 9.7 บาท และในปี 2015 รายได้รวมอยู่ที่ 49,208 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17,451 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 12.2 บาท
ด้าน บล.ธนชาต ออกบทวิเคราะห์ ระบุปรับเพิ่มราคาหุ้น AOT เป็น 250 บาท/หุ้น จาก 198 บาท ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ การปรับสมมติฐานการเติบโตของผู้โดยสารขึ้นเป็น 19.9% จาก 16.9%) จากประมาณการของปี 2013 เพราะจำนวนผู้โดยสารที่สูงกว่าคาดที่ 20.3%
นอกจากนี้ยังได้รวมการใช้ระบบคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ในช่วง 3QFY14 ซึ่งทำให้ AOT ได้ ผลตอบแทนเพิ่ม 111-233 ล้านบาทต่อปี ในปี 2014-2015 ในประมาณการ ทั้งนี้ยังได้ปรับลดสมมติฐานอัตราส่วน SG&A/Sales ลงเป็น 19.5-21.5% (จาก 20-22.5%) ในปี 2013-2015
โดยปรับมาใช้ประมาณการปี 2014 เป็นปีฐาน ด้วยธุรกิจที่มีลักษณะผูกขาด มีปัจจัยผลักดันกำไรที่ชัดเจน และคาดว่า EPS จะเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วง 3 ปีที่ 29% และซื้อขายที่ P/E ที่ต่ำลงมาอยู่ที่ 22 เท่า ในปี 2014 และ 18 เท่า ในปี 2015 ทำให้เชื่อว่า AOT นั้นไม่แพง และเรายังคงแนะนำ "ซื้อ" AOT และยังคงเป็น Top Country Pick ของเรา
นอกจากนี้ยังมี upsides จำนวนมากจากรายได้ค่าสัมปทานจากการมีพื้นที่สำหรับร้านค้าปลีกและปลอดภาษีมากขึ้นหลังจากการเปิดอาคารผู้โดยสารที่ 2 ของสนามบินดอนเมือง (DMA) ในช่วงกลางปี 2014 และการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ในปี 2018 AOT ได้รับค่าสัมปทานขั้นต่ำ 956 ล้านบาทในปี 2013 และเพิ่มขึ้น 10% ทุกปี หลังจากการเปิดอาคารผู้โดยสารที่ 1 ของ DMA ในเดือนต.ค. 12
นอกจากนี้ ในปี 2020 สัญญาสัมปทานของ King Power ที่สนามบินสุวรรณภูมิจะหมดอายุ ซึ่งการต่ออายุสัญญาจะเปิดโอกาสให้ AOT สามารถปรับขึ้นค่าสัมปทานได้ เรายังไม่รวม upside เหล่านี้ในประมาณการของเรา
ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าสัญญาณเทคนิคของ AOT ขึ้นต่อทำ All Time High ดูตามทรงแล้ว ราคาไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาด้วยความหวือหวาหรือร้อนแรงเกินไป โอกาสไปต่อยังมีแม้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องค่อนข้างมากแล้ว โดย AOT น่าจะไปทดสอบอย่างน้อยได้ที่กรอบด้านบนของ Parallel Line ที่ 222 บาท แนวรับ 198 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น