วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ชี้5จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม กองทุนรวม ประกัน วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม 2556

ชี้5จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม

กองทุนรวม ประกัน วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 0 คน 

กองทุนภัยพิบัติเผย 5 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา แห่ซื้อประกันภัยพิบัติ โดยมีทุนประกันภัยต่อตามสัดส่วนของกองทุนฯรวม 23,074 ล้านบาท เมื่อเทียบกับทุนประกันภัยต่อตามสัดส่วนของกองทุนฯทั้งประเทศ

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ เปิดเผยว่า สถิติการทำประกันภัยพิบัติในช่วงวันที่ 28 มีนาคม 2555-20 กันยายน 2556 ของ 5 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม นนทบุรี และกรุงเทพฯ
มีการตื่นตัวในการทำประกันภัยพิบัติในระดับสูง ซึ่งทั้ง 5 จังหวัดมีทุนประกันภัยต่อสัดส่วนของกองทุนฯรวม 21,757 ล้านบาท คิดเป็น 48.65% เมื่อเทียบกับทุนประกันภัยต่อตามสัดส่วนของกองทุนฯทั้งประเทศ จำนวน 44,719 ล้านบาท
สำหรับจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงที่มีทุนประกันภัยต่อตามสัดส่วนของกองทุนฯสูงที่สุด คือ กรุงเทพฯ จำนวน 13,793 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ นนทบุรี จำนวน 2,650 ล้านบาท ปทุมธานี จำนวน 2,492 ล้านบาท พระนครศรีอยุธยา จำนวน 1,949 ล้านบาท และนครปฐม จำนวน 874 ล้านบาท
นอกจากนั้น กรุงเทพฯ ยังมีทุนประกันภัยต่อตามสัดส่วนของกองทุนฯ ในส่วนของผู้ทำประกันภัยทั้ง 3 ประเภทสูงที่สุด ได้แก่ บ้านอยู่อาศัย จำนวน 9,727 ล้านบาท ธุรกิจขนาดกลางและย่อม จำนวน 1,796 ล้านบาท และอุตสาหกรรม จำนวน 2,270 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดนนทบุรีมีทุนประกันภัยต่อตามสัดส่วนของกองทุนฯ ประเภทบ้านอยู่อาศัยสูงเป็นอับดับสอง จำนวน 2,217 ล้านบาท
จังหวัดปทุมธานี มีทุนประกันภัยต่อตามสัดส่วนของกองทุนฯ ประเภทธุรกิจขนาดกลางและย่อมสูงเป็นอันดับสอง จำนวน 356 ล้านบาท และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีทุนประกันภัยต่อตามสัดส่วนของกองทุนฯ ประเภทอุตสาหกรรมสูงเป็นอันดับสอง จำนวน 1,499 ล้านบาท
​“พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบที่สำคัญของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก”
ดังนั้น การสร้างหลักประกันเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินและกิจการเมื่อประสบภัยพิบัติ จึงไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือเฉพาะภาคเอกชนแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นปัจจัยผลักดันให้นักลงทุนต่างชาติยังคงตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยและขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น