วิกฤติงบประมาณสหรัฐทุบหุ้นเอเชีย
ต่างประเทศ วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2556 ผู้เข้าชม : 3 คน
วอลล์สตรีท เจอร์นัล - การปิดตัวเป็นบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดในเอเชีย เมื่อวานนี้ ยกเว้นตลาดญี่ปุ่นที่ได้การอ่อนตัวของเงินเยนมาช่วยหนุนให้ดัชนีนิกเกอิปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นเอเชียของเอ็มเอสซีไอ ซึ่งไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น กำลังซื้อขายในราคาที่ถูกกว่าหุ้นทั่วโลก 20%
ทางตันเรื่องงบประมาณในสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในตลาดเมื่อวานนี้ โดยนักลงทุนมีความกังวลว่า รัฐบาลวอชิงตันอาจไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันเส้นตายวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ซึ่งอาจทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้
มีสัญญาณความคืบหน้าเล็กน้อยเมื่อมีข่าวว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบามา จะพบกับส.ส.พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) จึงช่วยให้วอลล์สตรีท ปิดในแดนบวกได้ ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้เสนอชื่อ เจเน็ต เยลเลน เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐตามคาด
หุ้นในญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดีดตัวตามวอลล์สตรีท ดัชนีนิกเกอิปิดเพิ่มขึ้น 1.12% ปิดที่ระดับ 14194.71 จุด ส่วนดัชนีเจเอสเอ็กซ์ อินโดนีเซีย ปิดเพิ่มขึ้น 0.6% และดัชนี พีเอสอี คอมโพสิต ปิดลดลง 0.9%
ตลาดหุ้นเอเชียได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้เมื่อเทียบกับหุ้นในวอลล์สตรีทที่ปรับตัวลง เนื่องจากตลาดเอเชียยินดีรับข่าวดีมากกว่า แม้ว่าตลาดเอเชียเริ่มต้นวันอังคารและวันพุธลดลง แต่ในทั้งสองวันนี้ หลายๆ ตลาดสามารถเปลี่ยนทิศทางจากการขาดทุนในช่วงต้นมาปิดสูงขึ้นได้
อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้เป็นวันที่มีการซื้อขายคละเคล้ากันมากกว่าสองวันก่อนเล็กน้อย โดยตลาดออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในแดนลบ
ดัชนีนิกเกอิ ได้รับความช่วยเหลือจากการอ่อนตัวของเงินเยน โดยเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับเงินเยน เมื่อวันพุธ และยังแข็งค่าขึ้นต่อเมื่อวานนี้ โดยอยู่ที่ประมาณ 97.67 เยนต่อดอลลาร์ จาก 97.35 เยน เมื่อคืนวันพุธ
หุ้นจีนดิ่งลงก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ปรับตัวลง 0.9% ปิดที่ 2190.93 จุด และดัชนีฮั่งเส็งในฮ่องกง ลดลง 0.4% ปิดที่ 22951.30 จุด
ข้อมูลการค้าและเงินเฟ้อของจีนที่จะเปิดเผยในสุดสัปดาห์นี้และต้นสัปดาห์หน้าจะช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสดูว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ได้เห็นในช่วงไม่กี่เดือนมานี้จะดำเนินต่อไปถึงเดือนกันยายนนี้หรือไม่ ซึ่งจากการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ 10 คนของวอลล์สตรีท เจอร์นัล พบว่า การส่งออกของจีนในเดือนกันยายนน่าจะโตประมาณ 5.5% ซึ่งชี้ว่า การค้าของจีนยังคงแข็งแกร่ง
หุ้นออสเตรเลียไม่สามารถดีดตัวร่วมกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคได้ เพราะตลาดได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของหุ้นทรัพยากร ซึ่งปรับตัวลงเพราะราคาโภคภัณฑ์ปรับตัวลงในชั่วข้ามคืน ดัชนี S&P/ASX 200 จึงปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 5147.10 จุด
ช่องว่างในการประเมินมูลค่าหุ้นเอเชียและหุ้นทั่วโลกได้กว้างมากขึ้นหลังจากที่เกิดแรงเทขายในช่วงฤดูร้อน โดยได้ทำให้นักลงทุนในเอเชียมีความเชื่อมั่นมากขึ้นแม้ว่าสถานการณ์หนี้และงบประมาณในสหรัฐยังคงยืดเยื้อ
ในตลาดเอเชีย นักลงทุนมองเห็นคุณค่ามากสุดในตลาดเอเชียเหนืออย่างเช่น ตลาดเกาหลีและฮ่องกง แม้ว่าความวิตกที่สหรัฐจะไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันเส้นตายอาจทำให้เกิดความวุ่นวายในตลาดได้
ดัชนีคอสปิ คอมโพสิต ของเกาหลีใต้กำลังซื้อขายกันที่ 11.2 เท่าของประมาณการกำไรในปีนี้ ในขณะที่ดัชนี ฮั่งเส็ง ไชน่า เอ็นเตอร์ไพรส์ ซึ่งติดตามบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่ อยู่ที่ 7.7 เท่านั้น ในขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 แพงกว่า โดยมีการซื้อขายกันที่ 15.1 เท่า
เคลวิน เทย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนในเอเชียของบริษัทยูบีเอส เวลธ์ แมเนจเมนต์ ในสิงคโปร์ กล่าวว่า มีความไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ไม่มีแรงเทขายออกจากตลาดเอเชียเพราะคิดว่ากำลังจะเกิดวันสิ้นโลก
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เครดิต สวิส ประเมินว่า ดัชนีหุ้นเอเชียของเอ็มเอสซีไอ ซึ่งไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น กำลังซื้อขายในราคาที่ถูกกว่าหุ้นทั่วโลก 20% เทียบกับปี 2554 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐต่อสู้เกี่ยวกับการเพิ่มเพดานนี้ ในตอนนั้นหุ้นเอเชียถูกกว่า 3%
ไอรีน โก๊ะ ผู้จัดการพอร์ตอาวุโสของบริษัท อัลลิแอนซ์ เบิร์นสไตน์ ในฮ่องกง กล่าวว่า นั่นคือความแตกต่างกันมาก หากมองไปทั่วเอเชีย ปัจจัยพื้นฐานอาจจะไม่เลวร้ายเหมือนที่มันได้ถูกทำให้เป็น
ในขณะที่ บางตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงค่อนข้างแพงแม้ว่าหลังจากที่ได้มีแรงเทขายในช่วงฤดูร้อนแล้ว นักลงทุนจึงมีความศรัทธาต่อตลาดอย่างเกาหลีใต้มากกว่า โดยโก๊ะ แนะนำให้เพิ่มความเสี่ยงในตลาดเกาหลีใต้ เพราะเชื่อว่ามีการตระหนักถึงแนวโน้มกำไรต่ำกว่าความเป็นจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น