สัญญาณสันติสุขมาเยือน
คอลัมน์ วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2556 ผู้เข้าชม : 7 คน
ประเทศไทยเรานี้ เกิดความพิเรนทร์พิลึกพิลั่นมาหลายปีเต็มทีแล้ว
คนส่วนน้อยแค่หยิบมือเดียว ออกมาปิดถนนตัดขาดการเดินทางสัญจร ออกมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเพื่อกดดันรัฐบาลให้ลาออก แล้วก็อ้างว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบตามสิทธิอันพึงได้พึงมีตามรัฐธรรมนูญ
โดยข้อเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกนั้นก็ไม่เป็นไปตามวิถีทางตามรัฐธรรมนูญเลย แถมยังยั่วยุให้ทหารออกมาปฏิวัติล้มล้างรัฐธรรมนูญ
รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ตามครรลองปกติ ก็เพราะม็อบที่อ้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่เรียกร้องให้โค่นล้มทำลายรัฐธรรมนูญนี่แหละ
ม็อบที่มาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอยู่ในเวลานี้ มีกันอยู่แค่ 100-200 คนเท่านั้นเอง แต่หวังใช้ทางลัดโค่นล้มรัฐบาล โดยยั่วยุให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าปราบปราม แล้วก็หวังให้ทหารออกมา
ทหารสงบนิ่งอยู่ในที่ตั้ง ก็หวังเอาศาลรัฐธรรมนูญมาตัดสินให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
มันก็เป็นสูตรสำเร็จปกติเท่านั้นจริงๆ สำหรับคนกลุ่มน้อยที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลที่มาตามวิถีทางรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย
สังคมไทย หาความสงบสุขไม่ได้มาช้านานก็เพราะคนกลุ่มน้อยที่ไม่ยอมรับกฎกติกาของบ้านเมืองเหล่านี้
บ้านเมืองที่ไร้เหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองช่วง2ปีมานี้ เปิดทางโล่งให้มีปัจจัยการพัฒนาใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นอันมาก
รัฐบาลสามารถบริหารงานได้ ส่วนจะผิดหรือถูกอย่างไรก็ต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
รัฐบาลมีเวลาที่จะคิดค้นการแก้ปัญหาหมักหมมเชิงโครงสร้างของบ้านเมือง อาทิ การบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการทั้งระบบ รวมทั้งการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของประเทศ
ธุรกิจท่องเที่ยวตั้งแต่สนามบิน โรงแรม ธุรกิจบริการ รายได้ประชาชนในแหล่งท่องเที่ยว คึกคักทันตาเห็น
9 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้ว 19.6 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศถึง 8.53 แสนล้านบาท
12 เดือนเต็มปี คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะสร้างสถิติใหม่ทะลุเป้าไปถึง26ล้านคนเป็นแน่ รายได้จากนักท่องเที่ยวต้องเกินกว่า1ล้านล้านบาทแน่นอน
ปัจจัยหลักที่ทำให้การเมืองนิ่ง ในขณะที่ผู้คนในประเทศก็ยังแตกแยก คงจะเป็นเพราะ “ทหารยุคนี้นิ่ง” ทนต่อการยั่วยุ ไม่ออกมาปฏิบัติการถอยหลังเข้าคลองง่ายดายเหมือนแต่ก่อน
ม็อบทั้งหลายที่ต้องการจะออกมาแช่แข็งประเทศไทยเอย ต้องการจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอันไม่เป็นประชาธิปไตยเอย ก็เลยหงายเงิบ ค่อยๆ ฝ่อลงไป จุดอะไรก็ไม่ติดครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ความหวังก็ยังอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะสร้างความสมหวังให้พวกเขา
แต่การที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องกลุ่มส.ส.ประชาธิปัตย์และส.ว.สรรหาในประเด็นที่มาวุฒิสภาให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด อาจจะเป็นสัญญาณแรกของการเรียกคืนสันติสุขกลับคืนมา
ไม่รู้ว่าผมมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่านะ
ศาลฯวินิจฉัยว่า การร้องขัดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 154 วรรค 1 ไม่เข้าเกณฑ์ เพราะมาตรานี้บังคับใช้กับกฎหมายที่เป็นร่างพระราชบัญญัติเท่านั้น
ไม่อาจอนุโลมบังคับใช้ได้กับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญปัจจุบัน ก็ตราไว้ชัดเจน มิอาจตีความเป็นอื่นได้จริงๆ
ยังเหลือคำร้องให้ล้มเลิกการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 ซึ่งให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ก็คาดว่าศาลฯน่าจะยกคำร้องเช่นเดียวกัน
เพราะดูยังไงก็ดูไม่ออกว่าการแก้ไขให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างไร และจะไปล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร
เมื่อไหร่ ที่พึ่งแห่งความบ้าคลั่งและไร้เหตุผลหมดไป อย่างน้อยก็ยังมีความหวังได้ว่า สันติสุขจะกลับมาเยือน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น