การเมืองนิ่ง ท่องเที่ยวกระฉูด
คอลัมน์ วันพฤหัสบดีที่ 03 ตุลาคม 2556 ผู้เข้าชม : 7 คน
ช่วงเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองปี 2551-2553 ที่มีการปิดสนามบิน เผาห้างสรรพสินค้า ธุรกิจท่องเที่ยวอันหมายรวมทั้งโรงแรม บริษัททัวร์ มัคคุเทศก์ ผู้ประกอบธุรกิจบริการ หากินไม่ได้เลย
น่าสงสารผู้ประกอบธุรกิจเหล่านี้
แต่หลังการเลือกตั้งปี 2554 ได้รัฐบาลมาตามครรลองประชาธิปไตย สถานการณ์ความวุ่นวาย เบาบางลงเยอะ
“สงครามกีฬาสี” ยังคงครอบงำการเมืองไทยอยู่ก็จริง มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันบ่อยครั้งตามปกติ แต่ก็มิได้ก่อตัวเป็นเหตุการณ์ใหญ่ ที่มีการออกมาต่อสู้กันบนท้องถนน
ธุรกิจท่องเที่ยวดีขึ้นทันตาเห็น
สนามบินสุวรรณภูมิ แออัดยัดเยียดซะจนเกินความจุผู้โดยสาร45ล้านคน ต้องแบ่งเบาความหนาแน่นไปยังสนามบินดอนเมือง 12 ล้านคน และยังมีสนามบินภูเก็ตที่รองรับตรงนักท่องเที่ยวจากต่างชาติอีก4ล้านคน
ธุรกิจท่องเที่ยวรวมทั้งบริการที่พัก โรงแรม ไปได้สวยมากๆ
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้ว 19.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สร้างรายได้เข้าประเทศคิดเป็นตัวเงินถึง8.53แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นี่ขนาดเป็นช่วงยังไม่เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวนะ แต่ช่วงไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) นี่แหละ จะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวเต็มๆ ตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยปีนี้ น่าจะได้เห็นตัวเลข25ล้านคนเป็นอย่างน้อยขึ้นไปแน่
ซึ่งรองนายกฯเศรษฐกิจ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง คาดหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยปีนี้ทั้งสิ้น 26ล้านคน
นักท่องเที่ยวยุโรปและอเมริกาหายไปเยอะ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญคือจีนเข้ามาถึง 3.74 ล้านคน เพิ่มขึ้น 93% มาเลเซียเข้ามา 2.14 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19% และรัสเซียเข้ามาใช้จ่ายถึง 7.38 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 44%
ในยามที่เศรษฐกิจโลกผันผวน ภาคพื้นยุโรปและอเมริกาเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การส่งออกของประเทศชะลอตัวลง ก็มีการท่องเที่ยวนี่แหละ ซึ่งไม่ได้ลงทุนมากมายอะไรเลย แต่จะกลายเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจชดเชย
ลองคิดดูว่า ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ธุรกิจท่องเที่ยวนำรายได้เข้าประเทศไปแล้ว 8.53 แสนล้านบาท ช่วง 3 เดือนที่เหลือ ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวเต็มตัว...
รายได้จากการท่องเที่ยวทั้งปี อาจจะพุ่งพรวดกว่า1ล้านล้านบาท
มันเป็นเงินไม่น้อยเลยนะครับ ถ้าเทียบกับจีดีพีหรือมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในปีที่ผ่านมา 11.6 ล้านล้านบาท ก็เท่ากับรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบจะเป็น 10% ของจีดีพี
ขอเพียงแต่การเมืองนิ่ง ทุกฝ่ายอยู่ในกฎกติกา ไม่ออกไปต่อสู้กันบนท้องถนนเถอะ ธุรกิจการท่องเที่ยวนับวันจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างความหวังใหญ่หลวงให้ประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น