SCCกำไรทะลัก9พันล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2556ผู้เข้าชม : 5 คน
SCC คาดไตรมาส 2 กำไร 9,000 ล้านบาท พุ่ง 110% รายได้ไม่ต่ำกว่า 1.07 แสนล้านบาท หลังธุรกิจหลักเติบโตดี ทั้งเคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง และกระดาษ เน้นขยายการลงทุนอาเซียนตั้งเป้าลงทุน 2 แสนล้านบาทในช่วง 5 ปี
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/56 ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ขณะที่ประเมินกำไรสุทธิประมาณ 9 พันล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 7.5 บาท) เติบโต 2% จากไตรมาสก่อน และ 110% จากปีก่อน แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ได้แรงหนุนจากปันผลจากโตโยต้าประมาณ 2 พันล้านบาท และราคาขายปูนซีเมนต์ที่ปรับขึ้นประมาณ 100-200 บาท/ตัน ช่วยชดเชยผลขาดทุนในสต๊อกปิโตรเคมีประมาณ 700-800 ล้านบาท และขาดทุนในอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนธุรกิจปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง คาดจะได้แรงหนุนจากความต้องการปูนซีเมนต์ที่ยังเติบโตได้ดี 10% จากปีก่อน แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และราคาขายปูนซีเมนต์ที่มีการปรับขึ้นประมาณ 100-200 บาท/ตัน ประเมินยอดขายเท่ากับ 41,788 ล้านบาท และจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,993 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีสเปรดดีขึ้น คือ PE-Naphtha 585 เหรียญ/ตัน และ PP-Naphtha 617 เหรียญ/ตัน อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบ Naphtha ได้ทรุดหนักในไตรมาสสองถึง 103 เหรียญ/ตัน คาดจะทำให้ขาดทุนในสต๊อกประมาณ 800 ล้านบาท จากที่ถือสินค้าคงคลังประมาณ 2-3 สัปดาห์ รวมถึงผลขาดทุนในอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น สุทธิแล้วคาดจะทำให้ธุรกิจปิโตรเคมี มีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 2,168 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 18% แต่ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 1,005 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจกระดาษ คาดจะยังเติบโตได้ดีจากปีก่อน หลังมีการพัฒนาสินค้าประเภทมูลค่าเพิ่ม และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต คาดจะทำให้กำไรของธุรกิจกระดาษยังเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนสู่ระดับ 1,199 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คาดแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตจะเติบโตได้ดี จากที่มีกระแสเงินสดในรูป EBITDA สูงถึง 5-6 หมื่นล้านบาท มีเงินสดในมือ 4 หมื่นล้านบาท ทำให้ SCC ยังเน้นนโยบายขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อสร้างเครือข่าย ตั้งเป้าหมายลงทุน 2 แสนล้านบาท ในช่วง 5 ปีนี้ และเน้นธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมากขึ้น
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ประเมินราคาเป้าหมาย 550 บาท บนฐาน P/BV+1SD เท่ากับ 3.9 เท่า โดยมีปัจจัยเสี่ยง คือ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจะกระทบจากความต้องการและราคาปิโตรเคมี ความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนกระทบต่อผลกำไรหรือขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด SCC จะประกาศกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/56 ที่ 8.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% จากปีก่อน และ 0.2% จากไตรมาสก่อน ปัจจัยหลักที่สนับสนุนกำไรในไตรมาสนี้คือ การเติบโตอย่างน่าประทับใจของธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ เคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง และกระดาษ ทั้งนี้ ด้วยแนวโน้มที่สดใสในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 535 บาท
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระบุว่าคาดผลการดำเนินงานของ SCC ในไตรมาส 2/56 มีรายได้ขาย 105,000-107,000 ล้านบาท และคาดกำไรสุทธิประมาณ 8,400-8,900 ล้านบาท ใกล้เคียงไตรมาสก่อน แต่โดดเด่นจากปีก่อน ภายใต้ประมาณการเงินปันผลจากบริษัทที่เข้าลงทุน เช่น TOYOTA ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่คาดครึ่งปีแรกมีรายได้ขาย 216,174 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 17,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และเพิ่มขึ้น 68% ตามลำดับ คาดเงินปันผลครึ่งปีแรกประมาณ 8 บาท (ภายใต้การคำนวณสัดส่วนเดียวกับเงินปันผลที่จ่ายทั้งปี 2555 ประมาณ 56%)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น