วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

PTTGCชูมาตรการ3ระยะ เร่งกู้วิกฤติปัญหาน้ำมันรั่ว ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 01 สิงหาคม 2556


PTTGCชูมาตรการ3ระยะ
เร่งกู้วิกฤติปัญหาน้ำมันรั่ว

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 01 สิงหาคม 2556
ผู้เข้าชม : 10 คน

"PTTGC" ประกาศ 3 มาตรการแก้วิกฤติน้ำมันรั่ว ดูแลทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ย้ำพร้อมเคลียร์คราบน้ำมันจนกว่าจะหมด ฟากกระทรวงคมนาคมคาดความเสียหายเบื้องต้น 1,000 ล้านบาท ส่วน BWG จ่อเข้ารับงานกำจัดคราบน้ำมัน

                 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์น้ำมันรั่วลงทะเล จังหวัดระยอง โดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดแผนดำเนินงานไว้ทั้งหมด 3 ระยะ ได้แก่ มาตรการระยะสั้น คือ กำจัดคราบน้ำมันให้แล้วเสร็จ ทำความสะอาดท้องทะเล ชายหาด โขดหิน รวมถึงตั้งศูนย์รับข้อร้องเรียนผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อเยียวยา         
                ส่วนมาตรการระยะกลาง จะหารือกับผู้เชี่ยวชาญ ด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล เพื่อศึกษาวิจัยผลกระทบที่มีต่อสภาพแวดล้อมทางทะเล เช่น สัตว์น้ำ ปะการัง เป็นต้น เพื่อจัดทำแผนฟื้นฟู และดำเนินการตามแผน สอบสวนข้อเท็จจริง สาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำมันรั่ว และสาเหตุที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่กระจายของน้ำมัน
                ขณะที่มาตรการระยะยาว ติดตามผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หลังการฟื้นฟูแล้วเสร็จ  และเร่งดำเนินการแก้ไขหากพบผล
กระทบ นำผลการสอบสวน มาศึกษา และจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติงานให้ดีขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
                นอกจากนี้ PTTGC ยังได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 9 รายงานความคืบหน้าการระงับเหตุท่อรับน้ำมันดิบรั่วในทะเลว่า ผลการปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันของบริษัทจนถึงปัจจุบัน คราบน้ำมันในทะเลหน้าอ่าวพร้าวลดลงอย่างเห็นได้ชัด สภาพโดยทั่วไปของชายหาดอ่าวพร้าวดีขึ้น สำหรับน้ำมันส่วนที่คลื่นซัดเข้ามาบริษัทจะทำการเก็บอย่างต่อเนื่องต่อไปจนกว่าจะหมด
                โดยในส่วนปฏิบัติการทางเรือ บริษัทยังคงทำการเฝ้าระวัง และดำเนินกระบวนการสลายคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยมีเรือของ PTTGC จำนวน 6 ลำ และเรือของพันธมิตรที่เข้าสนับสนุน ได้แก่ กรมเจ้าท่า 1 ลำ บริษัท ไออาร์ พีซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ลำ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ลำ รวมเป็นจำนวน 11 ลำ นอกจากนี้ ได้เพิ่มมาตรการป้องกันโดยมีการวางบูมกั้นคราบน้ำมันอีก 3 จุด รวมถึงเตรียมทำแผนฟื้นฟูทั้งระยะสั้นระยะยาว และเชิญผู้ชำนาญการที่เกี่ยวข้องมาให้คำปรึกษา
                PTTGC ยังระบุอีกว่า ขณะนี้ทางบริษัทได้ดำเนินการจัดทีมลงพื้นที่เพื่อดูแลสถานการณ์และชี้แจงชุมชนบนเกาะเสม็ดรวมถึงหาดต่างๆ โดยจะดำเนินการลงพื้นที่ทุกวัน ซึ่งนำทีมโดยพนักงานชุมชนสัมพันธ์ของ PTTGC พร้อมพันธมิตรจาก กลุ่ม ปตท. เพื่อพบปะพูดคุย และให้ข้อมูลการแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันของ PTTGC พร้อมทั้งเก็บข้อมูลผลกระทบ และข้อกังวลจากชุมชน ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการในพื้นที่ และบุคคลทั่วไป รวมถึงประสานกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กรมประมง ให้ทำการเก็บตัวอย่างปลา หรือสัตว์น้ำตามจุดต่างๆ รอบเกาะเสม็ด เพื่อตรวจสอบและสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน
                สำหรับในช่วงวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ระดมทีมปฏิบัติงานรวมถึงจิตอาสาจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ กองทัพเรือ กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อาสาพิทักษ์สิ่งแวดล้อม พนักงานและจิตอาสา PTTGC, กลุ่ม ปตท. และกลุ่มอื่นๆ เป็นจำนวนรวมกว่า 700 คน โดยในส่วนของพนักงานจิตอาสาจะร่วมทำการลงพื้นที่ชายหาดเพื่อเก็บคราบน้ำมัน
                โดยดำเนินการเก็บคราบน้ำมันในทะเล และชายหาดต่อเนื่อง ปูแผ่นซับคราบน้ำมันตามชายหาด นำขยะและน้ำมันที่เก็บได้ไปรวมที่พื้นที่กรมป่าไม้ เพื่อรอการขนย้ายกลับไปรอการบำบัดที่โรงกลั่น อีกทั้ง ยังได้นำเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดขจัดคราบน้ำมันตามโขดหิน
                ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PTTGC ล่าสุดในวานนี้ ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องไปแล้วติดต่อกัน 3 วันทำการ โดยล่าสุดปิดลบอยู่ที่ 66 บาท ปรับลดลง 4 บาท หรือคิดเป็น 5.71% ทำราคาต่ำสุดระหว่างวัน 65.25 บาท สูงสุด 69.25 บาท มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 3,202 ล้านบาท

*คมนาคมคาดความเสีย 1,000 ล้านบาท
            พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงมาตรการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำ เนื่องจากน้ำมันดิบว่า ที่ผ่านมาได้มีกฎหมายป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันดิบมาแล้ว โดยมีการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน พ.ศ. 2547 ให้มีความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพในทางปฏิบัติ แต่จากนี้ไปจะต้องมีมาตรการป้องกัน รวมถึงมาตรการระงับเหตุการณ์ เข้าถึงพื้นที่ในการขจัดคราบน้ำมันหากเกิดเหตุรั่วไหลได้ทันที รวมไปถึงแผนฟื้นฟู
            โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานที่กำกับดูแลควรเพิ่มความถี่ในการเข้า ไปตรวจท่อรับน้ำมัน เตรียมเครื่องมือให้พร้อมตลอดเวลา รวมถึงแผนการดำเนินงานของผู้ประกอบการ โดยสั่งการให้เลขานุการคณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด ส่วนภาพรวมและมูลค่าความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า น่าจะได้ข้อสรุป เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าความเสียหายจะไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
                ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน (กปน.) จะประชุมเพื่อทบทวนแผนปฏิบัติการ และขั้นตอนการเผชิญเหตุในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันดิบ ซึ่งไม่ได้มีการปรับปรุงมาตั้งแต่ปี 2547
                โดยจะนำข้อบกพร่องจากเหตุการณ์ล่าสุด คือ ท่อรับน้ำมันดิบของPTTGC รั่วกลางทะเล จังหวัดระยอง มาปรับปรุง เช่น กรณีเกิดเหตุจะต้องสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้เร็วที่สุด อุปกรณ์เครื่องมือต้องมีความพร้อมและเพียงพอ ซึ่ง กปน.จะตั้งกรรมการที่มีความเชี่ยวชาญด้านปิโตรเลียม พลังงาน ประกันภัย สิ่งแวดล้อม เข้ามาเพิ่มเติมอีก 6 คน

* เพ้งเรียกประชุมผู้บริหารก.พลังงาน
                นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวง เพื่อสอบถามขั้นตอนการกำกับดูแลของกรมธุรกิจพลังงานในเรื่องการขนถ่ายน้ำมัน รวมทั้งขอรับทราบการแก้ปัญหาน้ำมันดิบของ PTTGCรั่วลงสู่ทะเล เพื่อให้ทราบถึงจุดบกพร่องต่างๆ ที่กระทรวงจะต้องเข้าไปมีบทบาทในการกำกับดูแล เพราะที่ผ่านมามีเพียงการดำเนินการกันระหว่างบริษัทผู้ค้าน้ำมันกับผู้ขุดเจาะน้ำมันเท่านั้น
                ขณะที่การฟื้นฟูภูมิทัศน์รอบชายหาดอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีถึงจะกลับมาเหมือนเดิมได้ แต่ PTTGC ก็พร้อมจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลทั้งหมด โดยจะต้องเร่งรัดฟื้นฟูพื้นที่ชายหาดและในทะเลเป็นอันดับแรก และจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 สัปดาห์ ส่วนการประเมินความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมนั้น ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมาร่วมอยู่ด้วย โดยจะเริ่มประชุมตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป
                ส่วนกรณีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก PTTGC ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องไปฟ้องศาลปกครอง เพราะ PTTGC ยืนยันที่จะจ่ายชดเชยค่าเสียหายทั้งหมด โดยขณะนี้ผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถไปยื่นเรื่องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระยองได้ ซึ่งจะมีการประเมินในส่วนผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ชาวประมง และผู้ได้รับผลกระทบทางอ้อมด้วย
                สำหรับการรั่วของน้ำมันดิบในครั้งนี้ ถือเป็นการรั่วในระดับ 2 จาก 3 ระดับ ที่มีปริมาณการรั่วตั้งแต่ 20 ตัน แต่ไม่เกิน 1,000 ตันแต่เพื่อความปลอดภัย ทาง PTTGC ได้ขอความร่วมมือไปยังองค์กรและผู้เชี่ยวชาญจากสิงคโปร์ ให้เข้าช่วยควบคุมสถานการณ์ และยืนยันว่า สารเคมีที่ใช้ขจัดคราบน้ำมันที่ชื่อ slickgone จำนวน 35,000 ลิตร จะช่วยลดแรงตึงผิวเช่นเดียวกับสบู่ ในการสลายคราบน้ำมัน โดยจะตกตะกอน และย่อยสลายสู่ใต้ท้องทะเล ซึ่งมีความปลอดภัยตามมาตรการฐานสากล

“กิตติรัตน์” มั่นใจปตท.แก้ปัญหาได้
                นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ได้มีการรายงานถึงสถานการณ์และผลกระทบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับ เรื่องดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พยายามแก้ไขปัญหา เชื่อว่า จะมีความเรียบร้อยเร็วๆนี้ ขั้นตอนต่อไป คือ การวางแนวทางเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก
                ส่วนในแง่การเยียวยาต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น เข้าใจว่า ทางบริษัทมีการทำประกันภัยในวงเงินที่สูง เชื่อว่า จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ส่วนผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวนั้น ยอมรับว่า มีผล แต่เป็นผลกระทบเฉพาะพื้นที่ ดังนั้น ในภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศจึงยังสามารถเดินหน้าไปได้
                ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างศึกษามาตรการเพื่อส่ง เสริมการท่องเที่ยวโดยรวม คาดว่า จะสามารถสรุปได้เร็วๆนี้ บางส่วนจะเกี่ยวข้องกับความร่วมมือในการออกวีซ่าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจจะมีระยะเวลาที่นานขึ้นและสามารถเดินทางเข้าออกได้หลายครั้ง รวมถึง การจูงใจด้วยการลดอัตราภาษีสำหรับการซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยว แต่ต้องไม่เป็นสินค้าที่กระทบกับผู้ผลิตในประเทศ

* BWG จ่อเข้ารับงานกำจัดคราบน้ำมัน
                นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG  เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้รับการติดต่อจาก PTTGC ในการรับงานกำจัดคราบน้ำมันจากกรณีน้ำมันรั่วที่ระยองแล้ว ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการประสานงาน และได้ดำเนินการนำอุปกรณ์หรือภาชนะไปจัดวางเพื่อเก็บเศษน้ำมันที่รั่วแล้ว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังต้องรอให้มีความชัดเจนก่อน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น