'คีรี' ขาย BTS ต่ำกว่ากระดาน 100 ล้านหุ้น พื้นฐานยังแกร่ง จับตาปันผลพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ว่า คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ได้ขายหุ้น BTS ออกมาจำนวน 100 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ยที่ 7.50 บาท เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ระดับราคาขายดังกล่าวต่ำกว่าราคาในกระดานของวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งราคาต่ำสุดของวันอยู่ที่ระดับราคา 8.40 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น BTS เช้าวันนี้ (29 ก.ค. 56) ล่าสุด ณ เวลา 10.37 น. อยู่ที่ 8.30 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 1.78% ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นอ่อนตัวลง 16.41 จุด หรือ 1.11% โดยราคาหุ้น BTS ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 7.05 บาทเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา และรอบนี้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 8.65 บาทในวันที่ 23 ก.ค. ก่อนจะอ่อนตัวลงมาหลังจากนั้น โดยล่าสุด BTS ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 39.14 เท่าและ P/BV ที่ 2.00 เท่า ขณะที่ข้อมูล www.settrade.com ระบุว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จำนวน 5 แห่ง แนะนำ “ซื้อ” BTS โดยให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 10.47 บาท หรือมีอัพไซด์ประมาณ 26%
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (29 ก.ค.) ว่า กรณีที่บีทีเอสเร่งศึกษารายละเอียดต่างๆ เพื่อเป็นผู้บริหารเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลที่จาการ์ตา อินโดนีเซีย คาดได้ข้อสรุป 3-5 เดือน นั้นส่งผลกระทบทางบวกต่อ BTS หากผลการศึกษาออกมามีความเป็นไปได้ในทางธุรกิจ ในกรณีนี้บริษัทมีโอกาสที่จะได้รับรายได้ค่าบริหารการเดินรถในอนาคต และการมีสิทธิ์เข้าไปถือหุ้น 30% ในโครงการแห่งนี้ก็มีโอกาสจะได้รับผลตอบแทนจากโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งปกติจะให้อัตราผลตอบแทนที่ดี เพราะเป็นสาธารณูปโภคที่มีความจำเป็นต้องใช้ และจากาต้า ที่เป็นเมืองใหญ่ การจราจรแออัด แต่ยังไม่มีรถไฟฟ้าแต่อย่างใด เช่นเดียวกับไทยในสมัยก่อน ปัจจุบันผู้โดยสาร (ridership) ที่ใช้บริการรถไฟฟ้าในไทยทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง
ขณะที่เงินทุนของ BTS มีความพร้อมที่จะลงทุน เพราะมีเงินสดในมือ 3.3 หมื่นล้านบาท ที่กันไว้เพื่อที่จะลงทุนโครงการบริหารเดินรถทั้งไทยและต่างประเทศ
แนะนำ: ซื้อ นับได้ว่า BTS มีความคืบหน้าในการนำเงินที่ได้จากการขายรายได้สุทธิเข้าสู่กองทุน BTSGIF ไปใช้ประโยชน์ไม่เพียงแต่การบริหารเดินรถในไทย ล่าสุดยังมีประเทศอื่นให้ความสนใจใน BTS เช่น เวียดนามและพม่า
เราเห็นว่าสิ่งที่นักลงทุนจับตามองคือ 1) งบการเงิน 1Q56-57 (มิ.ย.56) จะมีการบันทึกรายได้เงินปันผลรับจาก BTSGIF ได้หรือไม่ ซึ่งตามข้อกำหนดคือ กำไรต่อหุ้นของ BTSGIF ต้องมากกว่า 0.10 บาทต่อไตรมาส จึงจะจ่ายปันผลระหว่างกาลได้ เราเชื่อว่าจะเกินแต่ในกรณี worst case ไม่จ่าย ทำให้งบดูไม่สดใส แต่ในที่สุดเงินปันผลจะจ่ายออกมาอยู่ดี และ 2) จะมีเงินปันผลพิเศษหรือไม่ ในส่วนนี้บริษัทไม่เปิดเผย แต่หากมองในแง่ปี ก็จะจ่ายอยู่ดี ตามที่บริษัทได้มีมติไว้ กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 10.05 บาท ตามวิธี sum of parts จุดแข็งคือ จ่ายปันผลได้สูง คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลงวดปีนี้ ปีหน้าและปีถัดไปเป็น 6%, 7% และ 7.9%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ว่า คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ได้ขายหุ้น BTS ออกมาจำนวน 100 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ยที่ 7.50 บาท เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ระดับราคาขายดังกล่าวต่ำกว่าราคาในกระดานของวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งราคาต่ำสุดของวันอยู่ที่ระดับราคา 8.40 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น BTS เช้าวันนี้ (29 ก.ค. 56) ล่าสุด ณ เวลา 10.37 น. อยู่ที่ 8.30 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 1.78% ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นอ่อนตัวลง 16.41 จุด หรือ 1.11% โดยราคาหุ้น BTS ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 7.05 บาทเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา และรอบนี้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 8.65 บาทในวันที่ 23 ก.ค. ก่อนจะอ่อนตัวลงมาหลังจากนั้น โดยล่าสุด BTS ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 39.14 เท่าและ P/BV ที่ 2.00 เท่า ขณะที่ข้อมูล www.settrade.com ระบุว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จำนวน 5 แห่ง แนะนำ “ซื้อ” BTS โดยให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 10.47 บาท หรือมีอัพไซด์ประมาณ 26%
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (29 ก.ค.) ว่า กรณีที่บีทีเอสเร่งศึกษารายละเอียดต่างๆ เพื่อเป็นผู้บริหารเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลที่จาการ์ตา อินโดนีเซีย คาดได้ข้อสรุป 3-5 เดือน นั้นส่งผลกระทบทางบวกต่อ BTS หากผลการศึกษาออกมามีความเป็นไปได้ในทางธุรกิจ ในกรณีนี้บริษัทมีโอกาสที่จะได้รับรายได้ค่าบริหารการเดินรถในอนาคต และการมีสิทธิ์เข้าไปถือหุ้น 30% ในโครงการแห่งนี้ก็มีโอกาสจะได้รับผลตอบแทนจากโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งปกติจะให้อัตราผลตอบแทนที่ดี เพราะเป็นสาธารณูปโภคที่มีความจำเป็นต้องใช้ และจากาต้า ที่เป็นเมืองใหญ่ การจราจรแออัด แต่ยังไม่มีรถไฟฟ้าแต่อย่างใด เช่นเดียวกับไทยในสมัยก่อน ปัจจุบันผู้โดยสาร (ridership) ที่ใช้บริการรถไฟฟ้าในไทยทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง
ขณะที่เงินทุนของ BTS มีความพร้อมที่จะลงทุน เพราะมีเงินสดในมือ 3.3 หมื่นล้านบาท ที่กันไว้เพื่อที่จะลงทุนโครงการบริหารเดินรถทั้งไทยและต่างประเทศ
แนะนำ: ซื้อ นับได้ว่า BTS มีความคืบหน้าในการนำเงินที่ได้จากการขายรายได้สุทธิเข้าสู่กองทุน BTSGIF ไปใช้ประโยชน์ไม่เพียงแต่การบริหารเดินรถในไทย ล่าสุดยังมีประเทศอื่นให้ความสนใจใน BTS เช่น เวียดนามและพม่า
เราเห็นว่าสิ่งที่นักลงทุนจับตามองคือ 1) งบการเงิน 1Q56-57 (มิ.ย.56) จะมีการบันทึกรายได้เงินปันผลรับจาก BTSGIF ได้หรือไม่ ซึ่งตามข้อกำหนดคือ กำไรต่อหุ้นของ BTSGIF ต้องมากกว่า 0.10 บาทต่อไตรมาส จึงจะจ่ายปันผลระหว่างกาลได้ เราเชื่อว่าจะเกินแต่ในกรณี worst case ไม่จ่าย ทำให้งบดูไม่สดใส แต่ในที่สุดเงินปันผลจะจ่ายออกมาอยู่ดี และ 2) จะมีเงินปันผลพิเศษหรือไม่ ในส่วนนี้บริษัทไม่เปิดเผย แต่หากมองในแง่ปี ก็จะจ่ายอยู่ดี ตามที่บริษัทได้มีมติไว้ กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 10.05 บาท ตามวิธี sum of parts จุดแข็งคือ จ่ายปันผลได้สูง คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลงวดปีนี้ ปีหน้าและปีถัดไปเป็น 6%, 7% และ 7.9%
ข่าวหุ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น