วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

SCCโตกระฉูด100% โชว์กำไร9พันล้าน โบรกฯแนะเก็งกำไรลุ้นแนวต้าน 462 บาท ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2556

SCCโตกระฉูด100%
โชว์กำไร9พันล้าน
โบรกฯแนะเก็งกำไรลุ้นแนวต้าน 462 บาท

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 56 คน 


วันนี้ "SCC" ประกาศงบไตรมาส 2/56 คาดโชว์กำไรสุทธิ 9,000 ล้านบาท โตสนั่น 110% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คาดรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.07 แสนล้านบาท ฟากโบรกฯแนะ "เก็งกำไร" ลุ้นทดสอบแนวต้าน 462 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ก.ค.) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC จะประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/56 คาดว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด SCC จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/56 อยู่ที่ 9 พันล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 7.5 บาท) เติบโต 2% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 110% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 
โดยแม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ SCC ได้แรงหนุนจากเงินปันผลจากโตโยต้าประมาณ 2 พันล้านบาท และราคาขายปูนซีเมนต์ที่ปรับขึ้นประมาณ 100-200 บาท/ตัน ช่วยชดเชยผลขาดทุนในสต๊อกปิโตรเคมีประมาณ 700-800 ล้านบาท และขาดทุนในอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนธุรกิจปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง คาดจะได้แรงหนุนจากความต้องการปูนซีเมนต์ที่ยังเติบโตได้ดี 10% จากปีก่อน แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และราคาขายปูนซีเมนต์ที่มีการปรับขึ้นประมาณ 100-200 บาท/ตัน ประเมินยอดขายเท่ากับ 41,788 ล้านบาท และจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,993 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีสเปรดดีขึ้น คือ PE-Naphtha 585 เหรียญ/ตัน  และ PP-Naphtha 617 เหรียญ/ตัน อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบ Naphtha ทรุดหนักในไตรมาสสองถึง 103 เหรียญ/ตัน  คาดจะทำให้ขาดทุนในสต๊อกประมาณ 800 ล้านบาท จากที่ถือสินค้าคงคลังประมาณ 2-3 สัปดาห์  รวมถึงผลขาดทุนในอัตราแลกเปลี่ยน  ดังนั้น คาดจะทำให้ธุรกิจปิโตรเคมีมีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 2,168 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 18% แต่ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 1,005 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจกระดาษ คาดจะยังเติบโตได้ดีจากปีก่อน หลังมีการพัฒนาสินค้าประเภทมูลค่าเพิ่ม และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต คาดจะทำให้กำไรของธุรกิจกระดาษยังเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนสู่ระดับ 1,199 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คาดแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตจะเติบโตได้ดี จากที่มีกระแสเงินสดในรูป EBITDA สูงถึง 5-6 หมื่นล้านบาท มีเงินสดในมือ 4 หมื่นล้านบาท ทำให้ SCC ยังเน้นนโยบายขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อสร้างเครือข่าย ตั้งเป้าหมายลงทุน 2 แสนล้านบาท ในช่วง 5 ปีนี้ และเน้นธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมากขึ้น
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ประเมินราคาเป้าหมาย 550 บาท  แต่มีปัจจัยเสี่ยง คือ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจะกระทบจากความต้องการและราคาปิโตรเคมี  ความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนกระทบต่อผลกำไรหรือขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 2/56 รายได้จากการขายของ SCC จะอยู่ที่ 105,000-107,000 ล้านบาท และคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 8,400-8,900 ล้านบาท ใกล้เคียงไตรมาสก่อน แต่โดดเด่นจากปีก่อน ภายใต้ประมาณการเงินปันผลจากบริษัทที่เข้าลงทุน เช่น TOYOTA ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่คาดครึ่งปีแรกมีรายได้ขาย 216,174 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 17,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และเพิ่มขึ้น 68% ตามลำดับ คาดเงินปันผลครึ่งปีแรกประมาณ 8 บาท (ภายใต้การคำนวณสัดส่วนเดียวกับเงินปันผลที่จ่ายทั้งปี 55 ประมาณ 56%)
นักวิเคราะห์เทคนิค ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สัญญาณเทคนิคราคาหุ้น SCC อยู่ในช่วงแกว่งตัว แนะเก็งกำไร ประเมินแนวรับ 440 บาท แนวต้าน 462 บาท
ส่วนความเคลื่อนไหวราคาหุ้นวานนี้ (30 ก.ค.) SCC ปิดตลาดที่ 444 บาท เพิ่มขึ้น  4 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.91% มูลค่าการซื้อขาย 369.95 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น