วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

BCPกำลังขาขึ้น ดีสุดหุ้นโรงกลั่น เป้าเกิน42บาท

BCPกำลังขาขึ้น
ดีสุดหุ้นโรงกลั่น
เป้าเกิน42บาท

ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 05 กรกฎาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 4 คน 

หุ้นพลังงานเนื้อหอม ปัญหาขัดแย้งอียิปต์ดันราคาน้ำมันพุ่ง โบรกฯวาง BCP ดาวเด่นหุ้นโรงกลั่น กำไรไตรมาส 2 เติบโตสูงสุดในกลุ่ม ราคาเป้าหมาย 42.75 บาท ฟาก PTTEP รับอานิสงส์ เป้าหมายราคาหุ้น 195 บาท

                นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคเฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานได้แล้ว หลังจาก P/E หุ้นล่าสุด เคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำเพียงแค่ 8-9 เท่า โดยกำหนดแนะนำ “ซื้อ” และวางหุ้น TOP PICK ของกลุ่ม คือ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP
                โดย BCP ถือเป็นหุ้นเด่นสายโรงกลั่น วางราคาเป้าหมาย 42.75 บาท ส่วนบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP กำหนดราคาเป้าหมาย 195 บาท ซึ่งทั้งสองบริษัทถือเป็นหุ้นกลุ่มพลังงานที่จะได้รับผลบวกจากกรณีราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
                ส่วนกรณีสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศอียิปต์ถือเป็นปัจจัยที่จะส่งผลบวกต่อกลุ่มหุ้นพลังงานและมีผลต่อราคาน้ำมันในช่วงระยะสั้น เพราะอียิปต์มีอำนาจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับท่อส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังจะถือเป็นซีซั่นที่มีความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้น และผลักดันให้ราคาน้ำมันเฉลี่ยของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากนั้นจะปรับลดลงเป็น 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงปี 2557
                “เราทยอยแนะนำให้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะขณะนี้มี P/E หุ้นเพียงแค่ประมาณ 8-9 เท่า ประกอบกับราคาหุ้นพลังงานช่วงที่ผ่านมายังไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด โดยกำหนดให้ PTTEP และ BCP เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม ส่วนกรณีเรื่องอียิปต์ถือเป็น SENTIMENT เชิงบวกในช่วงระยะสั้น” นักวิเคราะห์ กล่าว
                ขณะที่บทวิเคราะห์ของบล.ยูโอบี เคเฮียน ประเมินทิศทางผลการดำเนินงานของ BCP ว่า ในช่วงไตรมาส 2 จะสามารถรายงานกำไรสุทธิที่ระดับสูงสุดของกลุ่มโรงกลั่น เพราะมีแรงหนุนจากการปิดซ่อมโรงกลั่นของ TOP และ PTTGC ประกอบกับรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เฟส 2 กำลังการผลิต 32 เมกะวัตต์ และบันทึกเคลมประกันที่ประมาณ 500 ล้านบาท
                ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน PTT เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในปีนี้จะสามารถยืนเหนือระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพราะยังมีความสมดุลทั้งด้านดีมานด์และซัพพลาย ส่วนที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงในอียิปต์ยังไม่มีผลกระทบมากนัก และประเทศแถบตะวันออกกลางได้ลดบทบาทด้านพลังงาน เพราะตลาดหันไปมองอเมริกาเหนือจากที่มี shale gas จำนวนมาก
                นอกจากนี้ ภายในช่วงเดือนส.ค.นี้ คณะกรรมการบริษัทจะประชุมเพื่อทบทวนแผนการลงทุนในช่วง 5 ปี ที่ตั้งงบลงทุน 3.6 แสนล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การเงินโลกและภาวะเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลง เช่น เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว แต่เบื้องต้นยังไม่มีแผนที่จะปรับลดวงเงินลงทุน
                ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดน้ำมันดิบโลกยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนทั้งด้านความต้องการใช้ที่สูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองของอียิปต์ เพราะถือเป็นช่องทางในการลำเลียงส่งออกน้ำมันจากกลุ่มโอเปกมาสู่ตลาดโลก จึงกำหนดคำแนะนำ “ทยอยซื้อสะสมหุ้นกลุ่มพลังงาน” อย่าง PTT ราคาพื้นฐาน 398 บาท และ PTTEP ราคาเป้าหมาย 188 บาท
                ทั้งนี้ ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานวานนี้ (4 ก.ค.) มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นและปิดบวกสวนภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง หลังจากตลาดคาดกลุ่มหุ้นพลังงานโดยเฉพาะสายโรงกลั่นจะได้รับผลบวกจากทิศทางราคาน้ำมันที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เพราะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในอียิปต์
                โดย BCP ทำราคาปิดบวก 36.75 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือคิดเป็น 4.26% หุ้น TOP ทำราคาปิดบวก 65 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.75 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.17% หุ้น ESSO ปิดบวก 7.90 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.40 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 5.33%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น